Google Website Translator

Sunday, November 23, 2008

Size matters

Size matters, บทความเกี่ียวกับขนาดของตลาดหลักทรัพย์ต่างๆ ทั่วโลกเทียบกับตลาดต่างๆ ในเอเชีย

Friday, November 21, 2008

Mexican companies lose on derivatives

ธรุกิจสำคัญของเม็กซิโกประสบปัญหาการเงินเนื่องจากสัญญาตราสารอนุพันธ์ (derivative) ที่ผูกกับอัตราแลกเปลี่ยน

กรณีเครือธุรกิจขายปลีก บริษัท Controladora Comercial Mexicana: มูลค่าหนี้้ตราสารอนุพันธ์ประมาณ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2008 ตลาดหลักทรัพย์เม็กซิโก (BMV) ได้ประกาศระงับการซื้อขายหุ้น ของบริษัท Controladora Comercial Mexicana เจ้าของเครือข่ายซุปเปอร์มาร์เก็ตสำคัญของเม็กซิโก เนื่องจากการเทขายหุ้นของบริษัทฯ อันเป็นผลให้ราคาหุ้นลดเกือบครึ่งหนึ่งของมูลค่า หลังจากบริษัทได้แจ้งข่าวหนี้เงินสกุลดอลลาร์ที่ได้ขยายตัวอย่างฉับพลันหลังจากค่าเงินเปโซตก อันเป็นผลให้บริษัทฯ ต้องขอสถานะล้มละลาย ต่อศาลแพ่งในเม็กซิโก เพื่อขอรับการป้องกันการไล่หนี้จากเจ้าหนี้ นั่นคือ บริษัทที่เป็นคู่ค้าสัญญาตราสารอนุพันธ์ ซึ่งมีบริษัท JP Morgan, Barclays Plc, Golman Sach Groups Inc, และ Merill Lynch จากสหรัฐฯ และบริษัทการเงิน Santander และ Banamex ของเม็กซิโก โดยบริษัทการเงินของสหรัฐฯ ทั้งหมดได้ยื่นฟ้องบริษัท Comercial Mexicana ว่าได้ผิดสัญญาตราสารอนุพันธ์

บริษัท Comercial Mexicana ได้แจ้งว่าสัญญาตราสารอนุพันธ์ที่ผูกกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์ ซึ่งบริษัทฯ ได้จัดทำขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงจากมูลค่าของหนี้สินที่มีอยู่ในเงินสกุลดอลลาร์ ได้มีผลทำให้บริษัทฯ มีหนี้เพิ่มอย่างฉับพลันจำนวนประมาณ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เนื่องจากบริษัทฯ ได้ผูกสัญญาตราสารอนุพันธ์ไว้กับอัตราแลกเปลี่ยนเงินเปโซที่ประมาณ 11 เปโซต่อเหรียญ แต่ในขณะนี้ ค่าเงินเปโซได้ตกไปที่ประมาณ 13 เปโซต่อเหรียญ

ศาลเม็กซิโกได้ปฏิเสธการอนุมัติสถานะล้มละลายแก่บรษัท Comercial Mexicana เป็น 2 ครั้งในเดือนตุลาคม แต่บริษัทฯ ยืนยันยื่นขออีกเป็นครั้งที่สามเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน และล่าสุดองค์กรรัฐบาลของเม็กซิโก อันได้แก่ สถาบันการเงินเพื่อการพัฒนา (Nacional Financiera-Nafin) ได้ให้ความช่วยเหลือด้วยการอนุมัติวงเงินกู้จำนวน 3 พันล้านเปโซ เป็นเงินหมุนเวียนเพื่อการจ่าย supplier

อย่างไรก็ตาม บริษัท Comercial Mexicana ยังต้องแก้ปัญหาหนี้ที่เกิดขึ้นจากสัญญาตราสารอนุพันธ์จำนวน 1 พันล้านเหรียญฯ โดยบริษัทฯ ได้ว่าจ้างให้บริษัท Credit Suisse Mexico เป็นผู้ดำเนินการการปรับโครงสร้่างหนี้ โดยบริษัทฯ ได้ให้ข่าวว่าจะไม่ขายหรือรวมบริษัท (sold or merged) เนื่อจากบริษัท Comercial Mexicana จะสามารถระดมเงินเพื่อจ่ายหนี้ได้จากการขายอสังหริมทรัพย์ที่มีอยู่ ซึ่งมีมูลค่ารวมอยู่ประมาณ 3 พันล้านเหรียญฯ

บริษัท Controladora Comercial Mexicana ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1944 ปัจจุบันมีลูกจ้างจำนวน 40,480 คน โดยมีเครือข่ายจำหน่ายสินค้าในยี่ห้อต่าง ๆ เช่น Comercial Mexicana, City Market, Mega, Bodega CM, Sumesa และ Alprecio ทั้งหมด 214 แห่ง รวมทั้งร้านอาหารยี่ห้อ California อีก 71 แห่ง และมีหุ้นร่วมทุนกับบริษัท Costco ของสหรัฐฯ เป็นเจ้าของยี่ห้อ Costco ในเม็กซิโก ยอดขายรวมของธุรกิจในเครือของกลุ่ม Controladora Comercial Mexicana มีมูลค่า 52.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยยอดขายสำหรับไตรมาศ 3 ปี 2008 มีมูลค่า 13.9 พันล้านเหรียญฯ

กรณีผู้ผลิตแก้ว บริษัท Vitro: มูลค่าหนี้ตราสารอนุพันธ์ประมาณ 267 ล้านเหรียญ
บริษัท Vitro เป็นผู้ผลิตขวดแก้วที่ใหญ่ที่สุดในเม็กซิโก ก่อตั้งเมื่อปี 1900 โดยมีศูนย์กลางการผลิตที่รัฐ Monterrey มียอดขายในปี 2007 มูลค่า 2.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีลูกจ้างจำนวน 24,442 คน มีฐานการผลิตใน 10 ประเทศ และตลาดส่งออกมากกว่า 50 ประเทศ

ในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2008 บริษัท Vitro ได้ซื้อตราสารอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากราคาแก๊ซเพิ่ม ค่าเงินเปโซ และอัตราดอกเบี้ย แต่เนื่องจากราคาแก๊ซได้ลดลงแทนที่จะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ ต้องเสียค่าต่างเรียก (margin call) จำนวน 267 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งมีผลกระทบต่อการหมุนเวียนเงินสดเพื่อการดำเนินกิจกรรม และได้ส่งผลให้ราคาหุ้นและราคาพันธบัตรซึ่งบริษัท Vitro เสนอขายในตลาดหลักทรพัย์ที่เม็กซิโกและนิวยอร์คตกต่ำจนเป็นเหตุให้ Standard & Poor's ลดระดับหุ้นบริษัท Vitro เป็นระดับ B ซึ่งเป็นระดับต่ำกว่าหุ้นที่ได้รับการแนะนำน่าลงทุน 4 ระดับ
ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2008 บริษัท Vitro ได้ประกาศ การนำอสิงหริมทรัพย์เข้ากองทุนเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน กับธนาคาร Bancomext เพื่อเปิดวงเงินกู้เสริมเงินทุนหมุนเวียน และนอกจากนี้ ยังได้รับอนุมัติเงินกู้จำนวน 100 ล้านเหรียญฯ จากธนาคารเพื่อการพัฒนา(Nafin) โดยกลุ่มการเงิน Blackstone เป็นผู้ให้คำปรึกษาในการแก้สัญญาตราสารอนุพันธ์และการปรับโครงสร้างการเงิน

กรณีผู้ผลิตและจำหน่ายแป้งสาลี และทอร์ติยา บริษัท Gruma: สูญเสีย 291 พันล้านเหรียญ
บริษัท Gruma ได้ดำเนินกิจการผลิตแป้งสาลีและทอร์ติยาซึ่งเป็นอาหารหลักของชาวเม็กซิกันมาตั้งแต่ปี 1949 ในปัจจุบันมีโรงงานทั้งหมด 88 แห่ง ลูกจ้างจำนวน 17,000 คน จำหน่ายแป้งสาลี ทอร์ติยา และผลิตภัณ์ข้าวโพดในตลาดต่างประเทศมากกว่า 50 ประเทศ โดยในปี 2006 ได้มียอดขายรวมมูลค่า 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

เมื่อต้นเดือนตุลาคม 2008 ตลาดหลักทรัพย์เม็กซิโก (BMV) ได้หยุดพักการซื้อขายหุ้นบริษัท Gruma เป็นเวลา 2 สัปดาห์ แต่ราคาหุ้นของบริษัทฯ ได้ตกงมากกว่าร้อยละ 50 เมื่อเปิดการซื้อขาย โดยบริษัทฯ ได้แจ้งว่าฐานะอนุพันธ์มีมูลค่าติดลบอยู่จำนวน 788 พันล้านเหรียญฯ เป็นผลให้ผลการดำเนินการในไตรมาสสามมียอดขาดทุนจำนวน 1.76 พันล้านเปโซ แต่คู่สัญญาอนุพันธ์ได้ยื่นกำหนดเรียก margin call ไปจนถึงวันที่ 24 พฤศจิกายน โดยบรษัทฯ ต้องจ่ายจำนวนที่ติดไว้ตามสัญญา หรือจ่ายเงินต่อสัญญาเพิ่มอีก 276 ล้านเหรียญสหรัญฯ

กรณีผู้ผลิตกระดาษ บรษัท Durango แจ้งสถานะล้มละลาย
บริษัท Corporacion Durango ได้ยื่นขอสถานะล้มละลายในสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 7ตุลาคม 2008 เพื่อขอการป้องกันจากเจ้าหนี้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่มีทั้งหมด 1.7 พันล้านเหรียญ โดยมีพันธะค่าดอกเบี้ยเงินกู้จำนวน 26.5 ล้านเหรียญฯ ซึ่งไม่สามารถจ่ายเจ้าหนี้ได้ เนื่องจากภาวะค่าไฟฟ้าและน้ำมันสูงขึ้น ค่าเงินเปโซตก ได้ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น รวมกับตลาดที่หดตัวเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจหดตัวและการแข็งขันที่เพิ่มขึ้น

ทนายความของบริษัท Durango ได้ให้ข่าวว่า บริษัทฯเคยขอสถานะล้มละลายในปี 2004 เพื่อปรับโครงสร้างหนี้มาแล้วหนึ่งครั้ง และคาดว่าการปรับหนี้ครั้งนี้ คงไม่ประสบปัญหามากเนื่องจากบริษัทฯ สามารถขายกิจการ ย่อยบางแห่งที่มีอยู่ในสหรัฐฯ

บริษัท Durango ได้เริ่มกิจกรรมการผลิตกระดาษสำหรับใช้ในอุตสาหกรรม เมื่อปี 1982 มีโรงงานผลิตกระดาษที่สหรัฐฯ เม็กซิโก และในกลุ่มประเทศละตินอเมริกา เป็นผู้ผลิตกระดาษอุตสาหกรรมที่สำคัญในทวีปอเมริกา

บริษัท Compania Minera Autlan จ่าย 40 ล้านเพื่อยกเกสัญญาอนุพันธ์ดอลลาร์ และแก๊ซ
บริษัท Autlan เป็นผู้ผลิตแร่ manganese สำคัญในภูมิภาคอเมริกาเหนือ ได้แจ้งข่าวให้ตลาดหลักทรัพย์เม็กซิโกว่า ได้จ่ายค่ายกเลิกสัญญาอนุพันธ์ที่ผูกไว้กับอัตราแลกเปลี่ยนและราคาแก๊ซเป็นจำนวน 40 ล้านเหรียญฯ ซึ่งจะมีผลทำให้กำไรบริษัทฯ ในไตรมาส 4 แสดงผลขาดทุนจำนวน 25 ล้านเหรียญฯ

ตามรายงานข่าว "Rescata el Gobierno a empresas, da crédito a Comercial Mexicana por 3 mil mdp" ได้แจ้งรายชื่อบริษัทอื่น ๆ ที่ได้ประสบปัญหาการเงินเนื่องจากค่าเงินเปโซตก และได้รับความช่วยเหลือจากสถาบันการเงินเพื่อการพัฒนา ได้แก่ บริษัท Cemex, COPPAL, Arrendadora Banregio, Soriana และ Arrendadora Unifir

แหล่งข่าว: The News, Bloomberg, OEM, Businessweek, Google Finance, และหน้าเวปของบริษัทต่าง ๆ ตามที่ได้ใส่ link ไว้

ข่าวอื่น ๆ เกี่ยวกับค่าเสียหายที่เกิดจากตราสารอนุพันธ์:
http://www.businessworld.in/index.php/Markets-Finance/As-Derivative-Deals.html
http://www.forbes.com/reuters/feeds/reuters/2008/10/22/2008-10-22T185442Z_01_N22377215_RTRIDST_0_MEXICO-DERIVATIVES.html

Tuesday, November 18, 2008

Auto sales drop, but exports increase

การส่งออกของรถยนต์จากเม็กซิโกเพิ่มขึ้น

นาย Eduardo de Solis นายกสมาคมอุตสาหกรรมรถยนต์แห่งเม็กซิโก (AMIA) ได้รายงานว่า สถิติการส่งออกรถยนต์ประจำเดือนตุลาคม 2008 รวมทั้งหมด 167,497 คัน เป็นมูลค่าเพิ่มร้อยละ 15.5 เมื่อเที่ยบกับยอดการส่งออกเดือนเดียวกันเมื่อปี 2007 โดยเป็นการส่งออกไปยังสหรัฐฯ 116,944 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเที่ยบกับเดือนตุลาคมปี 2007 ส่งออกไปยังสหภาพยุโรป 21,165 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 และการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศละตินอเมริกา 11,955 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 30

ทั้งนี้การผลิตสำหรับเดือนตุลาคมได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 8  นั่นคือ 214,589 คัน โดยมีค่าเงินเปโซที่อ่อนตัวลงเป็นปัจจัยช่วย นาย Solaris ได้เพิ่มเติมว่า การส่งออกที่เพิ่มไปยังตลาดสหภาพยุโรปและกลุ่มประเทศละตินอเมริกา เป็นการแสดงให้เห็นผลสำเร็จของแผนการส่งเสริมการกระจายตลาดจากการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ เพียงตลาดเดียวในสองสามปีที่ผ่านมา

สำหรับหภาวะการจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศได้ลดลง เนื่องจากภาวะสินเชื่อที่หดตัวและค่าเงินที่ต่ำลงล้วนเป็นปัจจัยทำให้ผู้ซื้อชาวเม็กซิกันชลอการซื้อรถยนต์  ยอดขายรถยนต์ในเม็กซิโกในเดือนตุลาคม 2008 ลดลงร้อยละ 14.3 เมื่อเทียบกันช่วงเดียวกันเมื่อปี 2007  ผู้จำหน่ายรายใหญ่สองอันดับแรก ซึ่งมีส่วนแบ่งการครอลตลาดร่วมกันร้อยละ 33 ได้แก่ บริษัท Ford และ Gneral Motors ได้รายงานว่า ยอดขายลดลงร้อยละ 15 และร้อยละ 3.9 ตามลำดับ  ยอดขายที่ลดลงดังกล่าวเป็นแนวโน้มที่ได้มีมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 12 เดือนแล้ว

สมาคมผู้แทนจำหน่ายรถยนต์เม็กซิกัน คาดว่ายอดขายรถยนต์ภายในประเทศสำหรับปี 2008 จะมียอดประมาณ 1.06 ล้านคัน  และได้ออกแถลงการณ์ขอให้รัฐบาลเม็กซิโกดำเนินมาตรการป้องกันการนำเข้ารถยนต์ใช้แล้วในปี 2009 เพื่อบรรเทาภาวะตลาดภายในประเทศที่อ่อนตัวลง

แหล่งข่าว: The News, 12/12/08
สมาคมอุตสาหกรรมรถยนต์แห่งเม็กซิโก: AMIA
สมาคมผู้แทนจำหน่ายรถยนต์เม็กซิกัน: AMDA

Wednesday, November 12, 2008

Remittances jump on weak peso

มูลค่าเงินส่งกลับของคนงานเม็กซิกันในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเนื่องจากค่าเงินเปโซลดลง

ปรากฏการณ์เงินโอนกลันที่สูงที่สุดในโลก
ปรากฎการณ์คนงานเม็กซิกันข้ามชายแดนไปหางานในสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สืบเนื่องจากการที่เม็กซิโกและสหรัฐฯ มีชายแดนร่วมกันประมาณ 3,360 กิโลเมตร สหรัฐอเมริกามีคนต่างด้าวที่มีถิ่นฐานเดิมจากเม็กซิโกเป็นกลุ่มคนต่างด้าวในสหรัฐฯ ที่ใหญ่ที่สุดประมารณ 6 ล้านคน และมีแรงงานที่ไม่มีเอกสารอย่างเป็นทางการอีกประมาณ 6 ล้านคน

มูลค่าเงินโอนกลับประมาณสองหมื่นล้านเหรียญฯ ต่อปี
ประเทศเม็กซิโกเป็นประเทศที่รับเงินโอนกลับจากแรงงานในต่างประเทศมากที่สุดในโลกมาเป็นเวลาหลายปี โดยในปี 2001 เริ่มมีเงินโอนกลับจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยในปี 2003 มีเงินโอนกลับจากแรงงานเม็กซิกันในสหรัฐฯ 18.1 พันล้านเหรียญฯ ในปี 2004 เงินโอนกลับจำนวน 24.7 พันล้านเหรียญฯ และในปี 2007 จำนวน 23.97 พันล้านเหรียญฯ

เงินโอนกลับจากต่างประเทศดังกล่าวเป็นรายได้ในเงินตราต่างประเทศที่สำคัญเป็นอันดับสองหรือสามของประเทศเม็กซิโก รองจากรายได้จากการส่งออกน้ำมัน และมูลค่ารวมของการส่งออกโดยภาคอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อการส่งออก (maquiladora) ทั้งหมด และมากกว่าเงินลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าประเทศในแต่ละปี

เงินโอนกลับช่วยพยุงเศรษฐกิจโดยย้อมทางวัฏจักรธุรกิจ
ความสำคัญของเงินโอนกลับจากแรงงานเม็กซิกันในสหรัฐฯ เป็นเอกลักษณ์พิเศษของเศรษฐกิจเม็กซิโก และได้มีการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบ ข้อดีข้อเสียของเงินโอนกลับดังกล่าว โดยหน่วยงานของรัฐบาลเม็กซิกันและองค์การระหว่างประเทศหลายแห่ง สรุปใจความสำคัญได้ว่า เงินโอนกลับดังกล่าวได้มีส่วนช่วยเหลือ เป็นตัวพยุงเศรษฐกิจของเม็กซิโกที่สำคัญ โดยเงินโอนกลับมักจะมีความเคลื่อนไหวที่สวนทางกับวัฏจักรธุรกิจ นั่นคือ เมื่อกิจกรรมธุรกิจลดลงการส่งเงินกลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลในท้องถิ่นของรัฐที่รองรับเงินโอนกลับจำนวนมาก โดยเฉพาะรัฐที่มีรายได้ต่ำจากภาคใต้ของเม็กซิโก ได้เริ่มนโยบายส่งเสริมให้เงินโอนกลับช่วยเพิ่มการพัฒนาการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน หรือการก่อตั้งธุรกิจขนาดย่อมในระดับท้องถิ่น โดยรัฐเหล่านี้มีแผนการให้เงินสมทบเงินทุนเป็นสองเท่าของจำนวนเงินโอนกลับที่นำไปลงทุนในกิจกรรมดังกล่าว

วิกฤตการณ์การเงินในสหรัฐฯ ปี 2008
ธนาคารชาติเม็กซิโก ได้เริ่มจับตาดูความเคลื่อนไหวของเงินโอนกลับจากแรงงานในสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดตั้งแต่ปลายปี 2007 เมื่อมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยและเริ่มมีแนวโน้มการส่งคนงานเม็กซิกันกลับมากขึ้น (โดยเฉพาะจากภาคก่อสร้างซึ่งเป็นภาคที่จ้างแรงงานเม็กซิกันมากที่สุด และเป็นภาคที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ sub-prime morgage มากที่สุด)

ในเดือนสิงหาคม 2008 ซึ่งเป็นช่วงที่ค่าเงินของเม็กซิโกแข็งตัวที่สุด ในอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 9 เปโซต่อเหรียญฯ ธนาคารกลางเม็กซิโกเริ่มวิตกกังวลว่าแนวโน้มการโอนเงินกลับจะลดลงมาก โดยในเดือนสิงหาคม 2008 เงินโอนกับได้แสดงมูลค่าลดลงร้อยลุ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงมากที่สุดในรอบ 12 ปี

อย่างไรก็ตาม ในเดือนตุลาคม 2008 ตัวเลขมูลค่าเงินโอนกลับเริ่มแสดงผลในทางบวกเนื่องจากค่าเงินเปโซที่อ่อนตัวลงประมาณร้อยละ 20 โดยมีอัตราแลกเปลี่ยนที่ประมาณ 13 เปโซต่อเหรียญฯ เป็นผลให้ธนาคาร BBVA Bancomer แจ้งมูลค่าเงินโอนกลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 58 เมื่อเที่ยบกับเดือนก่อน ธนาคารกลางเม็กซิโกได้เปิดเผยว่าตัวเลขเงินโอนกลับจากสหรัฐฯ ในช่วงเดือนตุลาคม 2008 เพิ่มขึ้นร้อยละ 45 เมื่อเที่ยบกับเดือนตุลาคมปี 2007 และการวิจัยจากธนาคารในเมือง San Diego ได้รายงานว่าคนงานเม็กซิกันได้ส่งเงินกลับมากขึ้นเป็นสามเท่าตัว ปัจจัยหนึ่งที่ส่งเสริมการโอนกลับมากขึ้นได้แก่การลดลงของค่าธรรมเนียมการโอนเงินกลับ

ข่าวอ้างอิง: The News. 29/11/08
หน้าเวิปที่เกี่ยวข้อง:
http://www.remittances.eu/
Federal Bank of Dallas report on Mexican remittances
Morgan Stanley's report: "The end of Abundant remittances?"
http://www.migrationinformation.org/
"Survery of Mexican Migrants", www.pewhispanic.org/files/reports/42.pdf
"Migration Facts", www.migrationpolicy.org/pubs/FS19_MexicanRemittancesEnglish_091207.pdf
Word Bank's www.siteresources.worldbank.org/.../US-Mexico_Remittance_Corridor_WP.pdf

Asian growth reports

Bloomberg's Asian growth reports

Monday, November 10, 2008

Mabe, Mexican appliance giant pushes into Costa Rica

บริษัท Mabe ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเรือน ซื้อบริษัท Atlas ของประเทศคอสตาริกา
บริษัท Mabe ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเรื่อนสำคัญสำหรับตลาดเม็กซิโก ได้ก่อตั้งเมื่อปี 1945 ปัจจุบัน มีโรงงาน 15 แห่ง และจ้างงาน 23,000 คน มียอดขายปีละ 15 ล้านหน่วย มูลค่าประมาณปีละ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มีตลาดส่งออกไปยังแคนาดาผ่านบริษัท Kenmore และบริษัท Camco ซึ่งเป็นเครือข่ายของ GE ในประเทศแคนาดา ซึ่งบริษัท Mabe ถือหุ้นในบริษัททั้งสองดังกล่าว และมีการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ผ่านบริษัท GE ซึ่งถือหุ้นในบริษัท Mabe ร้อยละ 48

เมื่อต้นปี 2008 บริษัท Mabe ได้ซื้อบริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าของคอสตาริกาคือ บริษัท Atlas Electrica  ในราคา 72 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  ทั้งนี้ บริษัท Atlas แห่งคอสตาริกาได้ก่อตั้งเมื่อปี 1961 เป็นผู้ผลิตตู้เย็นเตาอบ ไมโคเวฟ และเครื่องปรับอากาศ  โดยครองตลาดในคอสตาริกาได้ครึ่งหนึ่งของตลาด และมีโรงงานหนึ่งแห่ง ที่เมือง Heredia จ้างงาน 1,350 คน

บริษัท Atlas ขายเครื่องใฃ่ไฟฟ้ายี่ห้อ Atlas และ Centron และเป็นตัวแทนจำหน่ายอื่น ๆ ในตลาดกลุ่มประเทศอเมริกากลาง ได้ก่ยี่ห้อ Westinghouse Kelvinator Nedoca Frigidaire และ Blue Point  การเข้าซื้อบริษัท Atlas โดยบริษัท Mabe จะคงกาผลิตและการยี่ห้อ Altlas และ Centron เอาไว้เนื่องจากเป็นยี่ห้อที่ตลาดรู้จักดี โดยจะขยายการขายยี่ห้อ Mabe และ GE ในตลาดอเมริกากลาง

แหล่งข่าว  วารสาร Central America Today ฉบับ June/July 2008
ข้อมูล wikipedia เกี่ยวกับบริษัท Mabe
หน้าเวป ของบริษัท Mabe