ทบทวนผลพลอยได้ของความตกลงเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ
สถาบัน Carnegie Foundation ได้รายงานผลการวิจัยทบทวนผลประโยชน์ของความตกลงเขตการค้าเสรี NAFTA ว่า สิบห้าปีหลังจากการลงนามระหว่างสามประเทศภูมิภาคอเมริกาเหนือ ปรากฏว่าผลประโยชน์ที่คาดว่าจะไดรับสำหรับคู่ค้าในเขตการค้าเสรีในระดับทวิภาคีและในระดับภูมิภาค ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามที่ได้คาดหวังเอาไว้ เช่น ผลพลอยได้ของการพัฒนาการส่งออก และการจ้างงานที่หวังไว้
การส่งออกได้เพิ่มขึ้นประมาณสี่เท่าตัวใน 15 ปีที่ผ่านมา แต่การจ้างงานไม่ได้เพิ่มขึ้นในจำนวนที่เพียงพอสำหรับรอบรับจำนวนนักเรียนนักศึกษาที่จบการศึกษาใหม่ในแต่ละปี ทั้งนี้ ยังคงมีแรงงานที่สรรจรไปเข้าหางานที่สหรัฐฯ อเมริกา ในจำนวนมากประมาณ 500,000 คนต่อปี จำนวนงานที่ได้เสียไปจากการปรับโครงสร้างหันมาเน้นการส่งออกในภาคอุตสาหกรรม ได้ทำลายการจ้างงานประมาณ 1.2 ล้านคนต่อปี ในขณะที่ตำแหน่งงานที่ได้สร้างขึ้นใหม่มีประมาณ 800,000 ตำแหน่ง
การส่งเสริมการส่งออกในกรอบเขตการค้าเสรี NAFTA เป็นการเอื้ออำนวยให้ผู้ลงทุนสามารถลดต้นทุนการผลิตโดยพึ่งค่าแรงที่ต่ำกว่าของเม็กซิโก แต่ปัจจุบันค่าแรงงานในเม็กซิโก ไม่สามารถแข่งขันได้กับค่าแรงที่ต่ำกว่าของประเทศจีน หรือประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ที่เริ่มมีบทบาทมากขึ้น
ในขณะเดียวกัน ภาคอุตสาหกรรมและการเกษตรดั้งเดิม ต้องปิดกิจการไปเนื่องจากแข่งขันไม่ได้กับราคาสินค้านำเข้าที่ถูกกว่า ได้มีผลให้ประเทศเม็กซิโกเพิ่มความพึ่งพาให้กับสินค้านำข้า โดยเฉพาะสินค้าเกษตร นอกจากนี้แล้ว การส่งเสริมการส่งออก ทำให้เพิ่มการพึ่งพาตลาดส่งออกเป็นแรงผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจ และเมื่อตลาดส่งออกหดตัว เช่นในช่วงวิกฤตการณ์การเงินที่ประสบอยู่ ย่อมมีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจได้ง่ายกว่ากรณีย์ที่มีโครงการผลิตแบบดั้งเดิม
รัฐบาลของเม็กซโกได้ดำเนินนโยบายที่สนับสนุนการค้าเสรีอย่างไม่มีเงื่อนไข โดยไม่ได้มีมาตรการหนุนแรงกระทบจากการเปิดตลาดเสรี เช่น การปิดการนำเขาสินค้าอาหารโดยไม่ได้มีมาตรการช่วยหบลือการปรับตัวของภาคเกษตรท้องถิ่น หรือการเน้นการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมใหญ่แต่ขาดการดูแลการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคระดับกลาง การส่งออกน้ำมันดิบโดยไม่ได้คำนึงถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมรองรับภายใน ภาคเศรษฐกิจสำคัญ ๆ ที่ถูกละเลยไปได้แก่การพัฬนาแหล่งน้ำ การไปรษณีย์ และการเงินเป็นต้น ปล่อยให้ตกไปอยู่ในมือบริษัทเอกชนต่างชาติ
ปัญหาด้านโครงสร้างของเศรษฐกิจเม็กซิโกที่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของเศรษฐกิจเม็กซิโก ได้แก่ การมีสหภาพแรงงานที่เข้มเข็ง อันเป็นผลให้มีการปรับต้นทุนค่าแรงลำบาก และการมีกลุ่มอุตสาหกรรมใหญ่ ๆ ที่ครอบครองตลาดส่วนใหญ่ และมีผลกีดกันการเติบโกของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
http://www.nafta-mexico.org/
รายงาน จาก Carnegie Endowment for International Peace, “Nafta’s Promise and Reality” (http://www.carnegieendowment.org/publications/index.cfm?fa=view&id=1390)
http://en.wikipedia.org/wiki/North_American_Free_Trade_Agreement
ข่าวการค้าการลงทุนเม็กซิโกและภมิภาคอเมริกากลาง สำหรับนักธุรกิจ นักลงทุนไทย ที่สนใจโอกาสการค้า การลงทุนในเม็กซิโกและอเมริกากลาง
Google Website Translator
Monday, April 27, 2009
Swine Flu outbreak
ไข้หวัดหมูระบาดในเม็กซิโก
เมื่อวันศุกร์ที่ 24 เมษายน 2009 รัฐบาลเม็กซิโกได้ประกาศปิดโรงเรียนทุกระดับทั่วกรุงเม็กซิโก และให้ระงับการจัดงานใหญ่ในที่สาธารณะประมาณ 1 สัปดาห์ เนื่องจากหน่วยตรวจสอบโรคระบาดของเม็กซิโกได้ยืนยันข้อมูลจากโรงพยาบาลหลายแห่งแจ้วว่า ได้มีผู้ป่วยจากอาการไข้หวัดสาหัสได้เสียชีวิตประมาณ 86 ราย โดยรายแรกที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 เมษายน เป็นหญิงอายุ 39 ที่เมือง San Luis Potosi ได้เสียชีวิตจากอาการปอดบวมอักเสบเนื่องจากเชื้อไวรัส หลังจากการสืบสวนเพิ่มเติม ได้พบว่ามีผู้ป่วยที่เสียชีวิตในลักษณะอาการเดียวกันอีก 4 ราย เป็นเหตุให้รัฐบาลเม็กฺซิโกแจ้งสถานะการระบาดของโรคจากเชื้อไข้หวัดหมู แก่องค์กรอนามัยภูมิภาอเมริกา (Pan American Health Organization-PAHO) เมื่อวันที่ 16 เมษายน โดยในวันที่ 20 เมษายน หน่วยตรวจสอบโรคระบาดของเม็กซิโกได้ส่งตัวอย่างผลตรวจคอและปอดของคนไข้ไปให้ National Micrbiology Laboratory ที่ Winnipeg แคนาดา และ Center for Disease Control and Prevention ที่เมือง Atlanta สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหน่วยประสานงานการตรวจสอบเชื้ดหวัดของ WHO ทำการทดสอบเพิ่มเติม และได้รับการยืนยันว่าเชื้อที่ค้นพบเป็นเชื้อไขหวัดหมู
เมื่อวันจันทร์ที่ 27 เมษายน 2009 ได้มีรายงานข่าว การสำรวจโรงพยาบาลต่าง ๆ ในเม็กซิโก ได้พบว่ามีผู้ป่วยจากไข้หวัดหมูจำนวน 1,400 ราย และมีรายงานจำนวนผู้ป่วยในสหรัฐฯ จำนวน 20 รายโดยเมืองที่ได้รายงานการพบผู้ป่วยได้แก่ รัฐแคลิฟอร์เนีย แคนซัส นิวยอร์ค โอไฮโอ และเท็กซัส นอกจากนี้ ได้มีข่าวว่าได้ค้นพบผู้ป่วยจากอาการไขหวัดสืบเนื่องจากผู้เดินทางไปจากม็กซิโก เป็นนักเรียน 10 รายที่ประเทศนิวซีแลนด์ ผู้ป่วย 3 รายที่ประเทศเสปน และอีกหนึ่งรายที่ประเทศอิซราเอล
หน่วยป้องกันโรคระบาดของเม็กซิโกได้แนะนำให้โรงพยาบาลใช้ยาฆ่าเชื้อ oseltamivir ในการรักษาผู้ติดเชื้อ และกำลังทดสอบว่า flu vaccine ที่มีอยู่สามารถป้องกันการติดเชื้อไว้หวัดหมูได้หรือไม่ ในขณะเดียวกันต้องใช้เวลาพัฒนา vaccine ตัวไหม่ขึ้นมา อาการของผู้ติดเชื้อไข้หวัดหมูจะมีไข้สูงกระทันหัน ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ ไอ และมีการอาเจียนหรือท้องร่วงมากกว่าผู้มีเชื้อหวัดปกติ ผู้ป่วยที่เป็นเด็กหรือผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูงเพราะมีภูมิต้านทานต่ำหรืออาจจะมีอาการแทรกซ้อนของอาการป่วยอื่น ๆ
ประเทศต่าง ๆ เช่น ฮ่องกง รัสเซีย เกาหลีใต้ อิตาลี โปแลนด์ และเวเนซูเอลา ได้ประกาศมาตการตรวจสอบผู้เดินทางจากเม็กซิโก ว่ามีอาการไข้หรือไม่ และให้มีการกัก quarantine หากพบว่ามีไข้หรืออาการของไข้หวัด
เมื่อวันศุกร์ที่ 24 เมษายน 2009 รัฐบาลเม็กซิโกได้ประกาศปิดโรงเรียนทุกระดับทั่วกรุงเม็กซิโก และให้ระงับการจัดงานใหญ่ในที่สาธารณะประมาณ 1 สัปดาห์ เนื่องจากหน่วยตรวจสอบโรคระบาดของเม็กซิโกได้ยืนยันข้อมูลจากโรงพยาบาลหลายแห่งแจ้วว่า ได้มีผู้ป่วยจากอาการไข้หวัดสาหัสได้เสียชีวิตประมาณ 86 ราย โดยรายแรกที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 เมษายน เป็นหญิงอายุ 39 ที่เมือง San Luis Potosi ได้เสียชีวิตจากอาการปอดบวมอักเสบเนื่องจากเชื้อไวรัส หลังจากการสืบสวนเพิ่มเติม ได้พบว่ามีผู้ป่วยที่เสียชีวิตในลักษณะอาการเดียวกันอีก 4 ราย เป็นเหตุให้รัฐบาลเม็กฺซิโกแจ้งสถานะการระบาดของโรคจากเชื้อไข้หวัดหมู แก่องค์กรอนามัยภูมิภาอเมริกา (Pan American Health Organization-PAHO) เมื่อวันที่ 16 เมษายน โดยในวันที่ 20 เมษายน หน่วยตรวจสอบโรคระบาดของเม็กซิโกได้ส่งตัวอย่างผลตรวจคอและปอดของคนไข้ไปให้ National Micrbiology Laboratory ที่ Winnipeg แคนาดา และ Center for Disease Control and Prevention ที่เมือง Atlanta สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหน่วยประสานงานการตรวจสอบเชื้ดหวัดของ WHO ทำการทดสอบเพิ่มเติม และได้รับการยืนยันว่าเชื้อที่ค้นพบเป็นเชื้อไขหวัดหมู
เมื่อวันจันทร์ที่ 27 เมษายน 2009 ได้มีรายงานข่าว การสำรวจโรงพยาบาลต่าง ๆ ในเม็กซิโก ได้พบว่ามีผู้ป่วยจากไข้หวัดหมูจำนวน 1,400 ราย และมีรายงานจำนวนผู้ป่วยในสหรัฐฯ จำนวน 20 รายโดยเมืองที่ได้รายงานการพบผู้ป่วยได้แก่ รัฐแคลิฟอร์เนีย แคนซัส นิวยอร์ค โอไฮโอ และเท็กซัส นอกจากนี้ ได้มีข่าวว่าได้ค้นพบผู้ป่วยจากอาการไขหวัดสืบเนื่องจากผู้เดินทางไปจากม็กซิโก เป็นนักเรียน 10 รายที่ประเทศนิวซีแลนด์ ผู้ป่วย 3 รายที่ประเทศเสปน และอีกหนึ่งรายที่ประเทศอิซราเอล
หน่วยป้องกันโรคระบาดของเม็กซิโกได้แนะนำให้โรงพยาบาลใช้ยาฆ่าเชื้อ oseltamivir ในการรักษาผู้ติดเชื้อ และกำลังทดสอบว่า flu vaccine ที่มีอยู่สามารถป้องกันการติดเชื้อไว้หวัดหมูได้หรือไม่ ในขณะเดียวกันต้องใช้เวลาพัฒนา vaccine ตัวไหม่ขึ้นมา อาการของผู้ติดเชื้อไข้หวัดหมูจะมีไข้สูงกระทันหัน ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ ไอ และมีการอาเจียนหรือท้องร่วงมากกว่าผู้มีเชื้อหวัดปกติ ผู้ป่วยที่เป็นเด็กหรือผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูงเพราะมีภูมิต้านทานต่ำหรืออาจจะมีอาการแทรกซ้อนของอาการป่วยอื่น ๆ
ประเทศต่าง ๆ เช่น ฮ่องกง รัสเซีย เกาหลีใต้ อิตาลี โปแลนด์ และเวเนซูเอลา ได้ประกาศมาตการตรวจสอบผู้เดินทางจากเม็กซิโก ว่ามีอาการไข้หรือไม่ และให้มีการกัก quarantine หากพบว่ามีไข้หรืออาการของไข้หวัด
Subscribe to:
Posts (Atom)