ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายและการวางแผนเศรษฐกิจและสังคมขององค์กรสหประชาชาติ ได้แถลงข่าว เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม 2553 ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวประมาณร้อยละ 2.4 โดยภูมิภาคละตินอเมริกาจะเติบโตในระดับเฉลี่ยประมาณร้อยละ 3.4 สำหรับเศรษฐกิจของเม็กซิโกนั้น คาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวได้ประมาณร้อยละ 3 โดยฟื้นตัวจากการหดตัวของเศรษฐกิจในปี 2552 ซึ่งได้หดตัวไปในอัตราร้อยละ 7.1
นักวิชาการบางกลุ่มได้แสดงความเห็นว่า การเติบโตของเศรษฐกิจเม็กซิโกอาจจะขยายตัวได้มากขึ้น ถึงร้อยละ 4 หากภาวะการเงินโลกดีขึ้น นอกจากนี้แล้ว หากรัฐบาลของประธานาธิบดีแคลเดรอนผลักดันการปรับโครงสร้างด้านภาษีและพลังงาน รวมทั้งการปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อเอื้ออำนวยภาวะธุรกิจ
ปัญหาที่รัฐบาลเม็กซิโกมีความกังวลในขณะนี้ ได้แก่ ปัญหาการลดการว่างงาน ทั้งนี้เพราะในปีที่ผ่านมา ได้มีการสูญเสียตำแหน่งงานไปจำนวนมาก โดยในกรุงเม็กซิโกซิตี้ มีผู้ที่สูญเสียงานใน 2552 ไปประมาณ 28,000 คน และรัฐอื่น ๆ ที่ได้มีการสูญเสียงานในจำนวนมากได้แก่ รัฐเม็กซิโก 20,000 คน รัฐ Nuevo Leon 26,000 คน รัฐ Chihuahua 21,000 และรัฐ Baja California 27,000 คน
ปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่ง ที่รัฐบาลเม็กซิโกต้องการแก้ไขในอันดับแรก ได้แก่ การควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ทั้งนี้ การประกาศมาตรการเพิ่มภาษีพิเศษ ในลักษณะคล้ายภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 3 เพื่อช่วยพยุงปัญหางบประมาณรัฐบาลขาดแคลนอันเป็นผลสืบมาจากภาวะวิกฤตการณ์เงินในปีที่ผ่านมา รวมกับภาวะราคาน้ำมันแพง ได้เริ่มส่งผลให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเริ่มเขยิบราคาสูงขึ้น ทั้งนี้ ราคาสินค้าอาหาร ซึ่งได้รับการยกเว้นการเก็บภาษี แต่ยังได้มีราคาแพงขึ้นถึงร้อยละ 15 – 40 โดยพ่อค้าผู้ผลิตได้อ้างปัจจัยต้นทุนสูงขึ้น ทั้งนี้ ผู้ว่าการกรุงเม็กซิโกซิตี้ ได้ประกาศมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยประการ เช่น การควบคุมราคาค่าโดยสารรถยนต์ประจำทาง การควบคุมค่าบริการของรัฐ เช่น ค่าต่ออายุใบขับขี่รถยนต์ การลดภาษีที่ดินและอสังหริมทรัพย์สำรหับผู้รายได้น้อย การลดค่าน้ำในชุมชนยากจน การลดภาษีรายได้สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก การแจกยาและอาหารในเขตยากจน
รัฐบาลเม็กซิโก ได้ขายพันธบัตรรัฐบาล ครบวาระไถ่ถอนระยะเวลา 10 ปี เพิ่มอีกจำนวน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในต้นเดือนมกราคม 2553 เป็นพันธบัตรชุดแรกที่ขายหลังจากที่บริษัทจัดอันดับเครดิตได้ลด rating ของเม็กซิโกลงเป็น BBB เมื่อปลายปี 2552 โดยพันธบัตรรัฐบาลชุดนี้ ให้ผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 5.125 ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่าของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นผลให้มีผู้จองซื้อพันธบัตรได้มากกว่าเป้าหมาย 1.6 เท่า ทั้งนี้ จะมีการประกาศขายพันธบัตรรัฐบาล วาระ 10 และ 30 ปี ในเงินสกุลเปโซ อีกหนึ่งพันล้านเหรียญในเดือนกุมภาพันธ์