Google Website Translator

Thursday, February 4, 2010

Opportunities for Thai Trade & Investment: Canned Pineapple Market in Mexico

ข้อมูลตลาดสินค้าสับปะรดสด น้ำสับปะรด และสับปะรดกระป๋องในเม็กซิโก

การบริโภคและการผลิต

ประเทศเม็กซิโกเป็นผู้ผลิตสับปะรดสดเป็นอันดับที่ 7 ของโลก ในปริมาณ 540,000 ตันต่อปี ในพื้นที่การเพาะปลูก 10,500 เฮ็กเตอร์ต่อปี ซึ่งมีสัดส่วนเพื่อการบริโภคภายประเทศในลักษณะผลไม้สดร้อยละ 70 อีกร้อยละ 23-25 เป็นเพื่อการผลิตน้ำสับปะรด และร้อยละ 5-7 เพี่อการส่งออกในลักษณะผลไม้สดไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาและแคนาดา

นอกจากปัญหาการควบคุมการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศแล้ว ภาคการผลิตสับปะรดในเม็กซิโกเป็นภาคการผลิตเกษตรที่ขาดความสามารถในการแข่งขัน เนื่องจากยังปัญหาไม่ได้มีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีการผลิต ต้นทุนการผลิตสูง และเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดรายย่อยขาดการพัฒนาระบบส่งน้ำและพึ่งน้ำฝน ทั้งนี้ ในปี 2553 ผลผลิตมีปริมาณสูงเกินปกติ แต่ช่องทางการกระจายสินค้าไปสู่ตลาดขาดประสิทธิภาพ เป็นเหตุให้เกิดแรงกดดันทางการเมืองเพ่งเล็งสับปะรดที่นำเข้าจากต่างประเทศ และ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2544 รัฐบาลเม็กซิโกได้ ประกาศกำหนดราคาประกันของสับปะรด (HS 2008.20.01) ที่นำเข้าไว้ที่ราคา 0.701 เหรียญสหรัฐฯต่อกิโลกรัม โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2544 สาเหตุของการประกาศดังกล่าว เนื่องจากมีการประท้วงของเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดในเม็กซิโกเห็นว่า สับปะรดจากเอเชียมีราคาต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสับปะรดจากประเทศไทย ซึ่งประกาศดังกล่าวเป็นข้อกำหนดเพิ่มเติมจากเดิมที่เพียงเก็บภาษีนำเข้าร้อยละ 23 และผู้นำเข้าต้องมีหนังสือรับรองสุขอนามัยจากกระทรวงสาธารณสุขเม็กซิโก ซึ่งข้อกำหนดทั้งสองนี้ได้เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2541

การนำเข้า/การส่งออก

ในปี 2537 ได้มีการนำเข้าสับปะรดประมาณมากที่สุด 18, 320 ตัน แต่ได้ลดลงระหว่างปี 2539 ถึง 2543 ปริมาณนำเข้าระหว่าง 533-806 ตัน และได้เพิ่มขึ้นในปี 2543 เป็น 1,367 ตัน มูลค่าเกือบล้านเหรียญสหรัฐฯ





สับปะรดกระป๋องของไทยมีความได้เปรียบด้านการแข่งขันสูงเมื่อเทียบกับของเม็กซิโก โดยประเทศไทยมีความสามรถในการพัฒนาพันธุ์ กระบวนการผลิตและการส่งออกไปยังตลาดโลกที่ค่อนข้างชำนาญการ ผู้ส่งออกสับปะรดกระป๋องอาจจะพิจารณาแผนการตลาด เพื่อเน้นการสั่งซื้อของห้างทรพัยสินค้า ร้านอาหารและโรงแรม หรืออาจจะพิจารณาการเข้ามาเปิดการผลิตในเม็กซิโก แนวทางการค้าระหว่างประเทศใต้ใต้ นำความรู้เกี่ยวกับการควบคุมช่วงการผลิต การบรรจุกระป๋อง หรือกล่องเน้น ตลาดสูง แปรส่วนเกินของการผลิตเป็น ส่งเข้าน้ำสับปะรดไปยังสหรัฐฯ เป็นตลาดใหญ่กว่าสับปะรดกระป๋อง

เงื่อนไขและกฏระเบียบการค้า

ผู้นำเข้าต้องขอใบอนุญาติการนำเข้าจากกระทรวงเศรษฐกิจ และต้องขอหนังสือรับรองสุขอาณามัยจากกระทรวงสาธารณสุขเม็กซิโก

สืบเนื่องจากภาวะการแข่งขันจากสินค้าไทย ผู้ผลิตรัฐวาฮาก้า ได้ขอให้รัฐบาลออกกฏระเบียบกำหนดให้ผู้นำเข้าจากประเทศเอเชียต้องแสดงใบอนุญาติการนำเข้าเดิมเป็นเงื่อนไขการอนุมัติการนำเข้าอีกขั้นตอนหนึ่ง

ภาษีนำเข้า:  MFN Rate: 45% Advalorem

ประเทศที่รับการยกเว้นภาษีนำเข้าตามความตกลงเขตการค้าเสรีที่มีกับเม็กซิโก สำหรับสับปะรดสดและสับปะรดแปรรูป ได้แก่ สหรัฐฯ แคนาดา ชิลี โบลิเวีย และคอสตาริกา และสหภาพยุโรป (ยกเว้น สวิสเซอร์แลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ และไลเค็นสไตน์) ส่วนประเทศโคลัมเบียและเวนูซูเอลา ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าสับปะรดกระป๋อง แต่ต้องเสียภาษีนำเข้าสับปะรดสด ร้อยละ 1.4

กลุ่มประเทศอเมริกากลาง อันได้แก่ กัวเตมาลา ฮอนดูรัส และ เอลซาวาดอร์ เสียภาษีนำเข้าร้อย ละ 11.1 ส่วน นิคารากัว เสียร้อยละ 8.0/6.0

กลุ่มประเทศสมาชิกสิทธิพิเศษ ALADI เสียภาษีในอัตราต่างกัน โดยพารากวัย ร้อยละ 23.4 เอควาดอร์ ร้อยละ 27 คูบา ร้อยละ 32.4 อุรุกวัย ร้อยละ 32.4 อาร์เจนตินา ร้อยละ 36 และบราซิลร้อยละ 36

ราคาของสับปะรดสดภายในประเทศมีความผันผวนตามฤดูหรือภาวะการผลิตสูง โดยในช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนจะเป็นช่วงผลผลิตขาดแ คลน ทำให้ราคาในช่วงสองเดือนนี้มีราคาสูงที่สุดระหว่างปี

มีการแบ่งประเภทสับปะรดสามประเภทในเม็กซิโก คือ เกรดเอ ซึ่งมีน้ำหนักต่อลูกประมาณ 2.5 กิโลหรือมากกว่า เป็นประเภทที่นิยมบริโภคภายในประเทศ เกรดบี มีน้ำหนักระหว่าง 1.8-2.5 กิโลต่อลูกเป็นเกรดที่ส่งป้อนโรงงานแปรรูปสับปะรด และเกรดซี ซึ่งมีน้ำหนักระหว่าง 1.5-1.8 กิโล ซึ่งแต่ก่อนสับปะรดที่ส่งออกเป็นสับปะรดที่ไม่มีคุณภาพเป็นส่วนเหลือ แต่ปัจจุบันมีผู้ผลิตทำการเพาะปลูกในขนาดน้ำหนักดังกล่าว เพราะเป็นที่นิยมของผู้บริโภคในต่างประเทศ

พื้นที่การผลิตสับปะรดที่สำคัญในเม็กซิโกได้แก่ รัฐ Veracruz, Oaxaca และ Tabasco มีสัดส่วนการผลิตร้อยละ 74, 12 และ 10 ตามลำดับ มีผู้ทำการเพาะปลูก 2500 รายทำการเพาะปลูกระหว่าง 2-5 เฮ็กเตอร์ต่อราย และมีผู้ที่มีพื้นที่การเพาะปลูกระหว่าง 25-300 เฮ็กเตอร์ประมาณ 100 รายและบริษัทเอกชนอีก 5 บริษัท

การควบคุมการผลิตยังขาดการประสานงานกับความต้องการของตลาด โดยมักมีปริมาณผลผลิตเกินความต้องการในช่วงเดือนมิถุนายนและกรกฏาคม ในขณะที่ช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนจะขาดผลผลิต และในช่วงตุลาคม-พฤษภาคมมีปริมาณผลผลิตตอบสนองความต้องการได้พอประมาณ

Opportunities for Thai Trade & Investment: Furniture Market

ข้อมูลตลาดสินค้าเฟอร์นิเจอร์ในเม็กซิโก

ภาวะตลาด:  การบริโภค

ประเทศเม็กซิโกมีวัฒนธรรมในการผลิตเฟอร์นิเจอร์จากไม้มาดั้งเดิม คุณภาพและฝีมือในการแกะประกอบและตกแต่งด้วยไม้เป็นที่ยอมรับของชาวต่างชาติ อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ในเม็กซิโกเป็นอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่พอสมควร มีโครงสร้างของผู้ผลิตผู้จำหน่ายทั้งรายใหญ่และรายย่อยจนถึงผู้ผลิตในระดับครัวเรือน และมีช่องทางการตลาดที่สลับซับซ้อนโดยมีการแข่งขันสูง บริษัทที่เกี่ยวข้องในเชิงอุตสาหกรรม ซึ่งรวมผู้แทนจำหน่ายและผู้ขายปลีก มีอยู่ประมาณ 760 บริษัท

มีการประเมินมูลค่าของตลาดเฟอร์นิเจอร์ ว่ามีมูลค่าประมาณ 441 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2539 ซึ่งเป็นการนำเข้าเกือบครึ่งหนึ่ง มูลค่า 201 ล้านเหรียญ โดยร้อยละ 71 เป็นการนำเข้าจากสหรัฐฯ คาดว่าตลาดเฟอร์นิเจอร์ไม้ในเม็กซิโก จะขยายตัวประมาณร้อยละ 25-30 ใน 3 ปีข้างหน้า โดยในปีที่ผ่าน ๆ มาได้มีอัตราการขยายตัวประมาณร้อยละ 7 ต่อปี ผู้บริโภคในตลาดสินค้าเฟอร์นิเจอร์จะพิจารณาปัจจัยด้านราคาและดีไซน์ในการตัดสินใจซื้อขาย และผู้บริโภคในตลาดผู้มีรายได้สูงจะพิจารณาปัจจัยด้านคุณภาพเพิ่มอีกประการหนึ่ง

ผู้จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ต่างชาติยี่ห้อที่เป็นที่รู้จักในระดับโลก ได้ตั้งตัวแทนจำหน่ายและมีฐานะที่มั่นคงในตลาดเม็กซิโก มีการเสนอราคาซื้อขายตั้งแต่ระดับราคาแพงของเบรนด์แนม จนถึงการขายในราคาต่ำและประหยัดสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย เฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นที่นิยมของตลาด แต่เริ่มมีการซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากเหล็ก พลาสติก และ PVC มากขึ้น เนื่องจากสินค้าเฟอร์นิเจอร์ประเภทนี้ มีราคาที่แข่งขันกว่า และมีการวางจำหน่ายอย่างกระจายและหลากหลายประเภท

รูปแบบของเฟอร์นิเจอร์ไม้ในเม็กซิโก สามารถแบ่งสัดส่วนการครองตลาดตามรูปแบบต่าง ๆ ได้ดังนี้
  1. เฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อแข็ง (ห้องรับแขกและห้องนอน)    ร้อยละ 21.4
  2. เหล็กและรูปทรงทูป (ห้องรับแขกและห้องนอน)         ร้อยละ 19.8
  3. เครื่องตกแต่ง                                                              ร้อยละ 15.9
  4. เฟอร์นิเจอร์ไม้แบบ rustic (ห้องรับแขกและห้องนอน) ร้อยละ 14.1
  5. เฟอร์นิเจอร์ไม้แบบไม้ประกอบ (ห้องรับแขกและห้องนอน) ร้อยละ 8.1
  6. เฟอร์นเจอร์ที่ทำงาน                                                   ร้อยละ 7.2
  7. เฟอร์นิเจอร์เหล็กหล่อ (ห้องรับแขกและห้องนอน)      ร้อยละ 5.2
  8. ประเภทอื่น ๆ (รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ไม้สำหรับห้องครัว) ร้อยละ 2.3
การผลิต

การผลิตเฟอร์นิเจอร์ภายในประเทศ เป็นการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศประมาณร้อยละ 70 ในปี 2545 มูลค่าผลผลิตเฟอร์ เท่ากับ 2,649 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีการบริโภคมูลค่า 2,042 ล้านเหรีญ



การนำเข้า/การส่งออก

แหล่งนำเข้าสำคัญได้แก่ สหรัฐฯ แต่มีแนวโน้มว่า สัดส่วนการครองตลาดเฟอร์นิเจอร์นำเข้าจะลดลงเนื่องจากมีการแข่งขันจากยุโรปและเอเชียมากขึ้น โดยความตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างยุโรปกับเม็กซิโกย่อมเพิ่มโอกาสให้แก่ผู้ส่งออกจากยูโรป



ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์จากสหรัฐฯ ได้เข้ามาทำการผลิตในเม็กซิโก เพื่อตักตวงผลประโยชน์จากค่าแรงที่ต่ำกว่า และสิทธิประโยชน์จากโครงการ Maquiladora สามารถรับการยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบ (ไม้เนื้อแข็ง) จากสหรัฐฯ และสามารถส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ โดยไม่เสียภาษีนำเข้า มักมีแหล่างที่ตั้งในบริเวณ รัฐฮาลิซโก อากาซ์คาลิเอนเต้ พัวเอบลา ดูรังโก และนูเอโวลีออน


ช่องทางการตลาด

วิธีการเจาะตลาดเม็กซิโกที่ดีที่สุด คือการค้นหาตัวแทนจำหน่ายที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับรสนิยม และการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อสหภาวะตลาด รสนิยมของกลุ่มวิชาชีพออกแบบตกแต่งบ้านและสถาปนิก รวมทั้งเทรนของแฟชั่น และอำนาจการซื้อล้วนเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาดเฟอร์นิเจอร์ ผู้แทนจำหน่ายในพื้นที่เหล่านี้มักจะได้สร้างความสัมพันธ์ส่วนตัวอย่างใกล้ชิดกับผู้ที่ติดสินในในการจัดซื้อและมีความเข้าใจเกี่ยวกับการแข่งขันภายใน ผู้แทนจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ในเม็กซิโกมักจะไม่เป็นตัวแทนเพียงผู้เดียวให้แก่ยี่ห้อใด ยี่ห้อหนึ่งโดยเฉพาะ เนื่องจากต้องการขายหลาย ๆ ยี่ห้อ ให้มากที่สุด

แหล่งจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ไม้ ขายผ่านห้างสรรพสินค้า เฟอร์นิเจอร์บูติก ร้านขายเฟอร์นิเจอร์พิเศษ และเครือข่ายของซุปเปอร์มาร์เก็ต ทั้งนี้ ร้านขายเฟอร์นิเจอร์พิเศษ ซึ่งได้เลือกทำเลในย่านของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีรายได้สูงมักจะเป็นผู้จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ไม้คุณภาพสูง ร้านลักษณะนี้ทำการค้าหาสินค้าใหม่ ๆ เป็นประจำ และจัดซื้อจากผู้ผลิตในเม็กซิโกโดยตรง หรือจากตัวแทนจำหน่ายของบริษัทเฟอร์นิเจอร์ต่างประเทศ

ร้านเฟอร์นิเจอร์ที่มีชื๋อยี่ห้อ เช่น Frey, D’Europe, Hermanos Vazquez, Elektra และ Dico มักจะจำหน่ายยี่ห้อของตัวเองและมีการนำเข้าบ้าง ผู้ผลิตบางรายอาจจะมีการเปิดร้ายจำหน่ายสินค้าของตนโดยตรง ส่วนห้างสรรพสินค้ามักจะจำหน่ายทั้งยี่ห้อภายในและยี่ห้อที่นำเข้าจากต่างประเทศหลากหลายยี่ห้อ

สำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ มักจะมีตัวแทนจำหน่ายในเมืองสำคัญ ๆ ของเม็กซิโก ซึ่งนอกจากเม็กซิโกซิตี้แล้ว มีเมืองมอนเตอเร อากาซ์คาลิเอนเต้ และ กัวดาลาฮารา ที่นิยมซื้อเฟอร์นิเจอร์นำเข้าจากต่างประเทศ

เงื่อนไขและกฏระเบียบการค้า

ต้องขออนุมัติการนำเข้าจากกระทรวงสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ (www.semarnat.gob.mx) และต้องส่งมอบใบรับรองการฉีดยาฆ่าแมลง

รหัสการนเข้า HS CODE: 9403 เสียภาษีการนำเข้า ร้อยละ 25% ทั้งนี้ มีประเทศที่มีความตกลงการค้าเสรีกับเม็กซิโกที่ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าเฟอร์นิเจอร์ ได้แก่ สหรัฐฯ แคนาดา ชิลี คอสต้าริกา โคลัมเบีย เวเนเซอูลา โบลิเวีย และอิซราเอล ประเทศที่ได้รับส่วนลดหย่อนภาษีนำเข้าเหรือร้อยละ 5 ได้แก่ สหภาพยุโรป สวิสเซอร์แลนด์ ไลค์สเต็นไทน์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ ส่วนประเทศอเมริกากลาง อันได้แก่ นิคารากัว กัวเตมาลา และเอลซาวาดอร์ อัตราร้อยละ 0.6 และนิคารากัว ร้อยละ 1.2/0.9 นอกจากนี้แล้ว ประเทศบราซิล เสียภาษีนำเข้าในอัตราร้อยละ 18 คิวบา ร้อยละ 12.5 เอควาดอร์ ร้อยละ 0.5 และปารากวัย ร้อยละ 0.5/12.5 โดยสิทธิการเป็นสมาชิกกลุ่ม ALADI (Asociación Latinoamericana de Integración) ร่วมกับเม็กซิโก