Google Website Translator

Monday, November 29, 2010

Opportunities for Thai Trade and Investment: Construction Sector in Mexico

ภาวะตลาดอุตสาหกรรมก่อสร้างในเม็กซิโก

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

ประธานาธิบดีของเม็กซิโก นายเฟลิเป คัลเดรอน ได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเม็กซิโก เพื่อเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคละตินอเมริกา โดยต้องการยกระดัลให้เป็นอันดับที่ 20 ในดัชนีโครงสร้างพื้นฐานของ World Economic Forum ภายในปี คศ. 2012 จึงได้มีการเร่งการลงทุนในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพของโครงสร้างที่มีอยู่ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

ผลกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินในสหรัฐได้สร้างภาวะเศรษฐกิจซบเซาในเม็กซิโก และได้มีผลทำให้โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่โดยภาคเอกชนได้ถูกเลื่อนกำหนดออกไป แต่การก่อสร้างไม่ได้ถึงกับหยุดชะงับ โดยบริษัทก่อสร้างเอกชนได้หันทำการก่อสร้างในขนาดกลางแทน เช่น การสร้างศูนย์พาณิชย์ หรือโรงแรม เป็นต้น ในขณะที่โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่รัฐบาลสนับสนุน เช่น การบูรณะปรับปรุงเขื่อน การสร้างหรือบูรณะโรงผลิตไฟฟ้าและการประปา การตัดเส้นทางถนนใหม่ การปรับปรุงระบบทางเดินรถไฟ และการปรับปรุงสนามบินและท่าเรือ การสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล และพื้นที่พาณิชย์ในแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ โครงการก่อสร้างเหล่านี้ยังคงเดินหน้าต่อไป โดยการก่อสร้างโดยส่วนใหญ่มักจะรวมตัวในพื้นที่เมืองใหญ่ๆ เช่น ที่กรุงเม็กซิโกซิตี้ และในพื้นที่ของรัฐ Puerto Vallarta, Baja California, Monterrey, San Miguel de Allende, Guadalajara และ Riviera Maya

นอกจากการจัดสรรงบประมาณภาครัฐแล้ว รัฐบาลเม็กซิโกของเม็กซิโกยังได้รับความช่วงเหลือจากแหล่งเงินทุนจากต่างประเทศ เช่น จากธนาคารโลก ธนาคาร North American Development Bank, Interamerican Development Bank, OPIC, USTDA, ExIm Bank, USAID, Banobras และ FONADIN เป็นต้น

การขยายตัวของการเคหะ

ในด้านการเคหะในเม็กซิโกนั้น ปรากฏว่าได้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาก ประมาณปีละ 4.5 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณทั้งในระดับชาติ ระดับรัฐ และระดับท้องถิ่น รวมทั้งได้มีการส่งเสริมให้ภาคเอกชนลงทุน เพื่อสร้างบ้านเรือนให้แก่ผู้มีรายได้ต่ำ เพื่อเป็นการสร้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจ

รัฐบาลของเม็กซิโกมีสถานบันที่ให้สินเชื่อเพื่อการเคหะสองสถาบันสำคัญ อันได้แก่ Infonavit (สถาบันสินเชื่อเพื่อการเคหะสำหรับแรงงานในภาคเอกชน) และ Fovissste (สถาบันสินเชื่อการเคหะสำหรับพนักงานในภาครัฐ) โดยกฎหมายแรงงานได้บังคับให้ลูกจ้างทุกรายต้องสมทบทุนร้อยละ 5 ของค่าจ้างเข้ากองทุนดังกล่าว และเมื่อลูกจ้างที่ได้สะสมเงินออมได้ระดับหนึ่งก็จะสามารถขอเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยได้

บริษัทรับเหมาก่อสร้างของเม็กซิโกที่เป็นขนาดใหญ่ ได้แก่ ICA, GEO, ARA, HOGAR, SARE, HOMEX และ URBI โดยเฉพาะบริษัท GEO และ บริษัท HOMEX นับว่าเป็นบริษัทก่อสร้างโครงการการเคหะที่ได้พัฒนาอย่างรวดเร็วในระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ โครงการการเคหะขนาดใหญ่ที่กำลังได้รับการพัฒนา มีขนาดหมู่บ้านละ 10,000-20,000 หลังในพื้นที่เดียว โดยตลาดที่พักอาศัยที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วที่สุด ได้แก่ บ้านเรือนระดัลกลางซึ่งมีราคาอยู่ในระดับราคาระหว่าง 28,000-50,000 เหรียญสหรัฐฯต่อหลัง

การขยายตัวของการเคหะดังกล่าวทำให้ความต้องการสำรหรับวัตถุดิบ และอุปกรณ์การก่อสร้างขยายตัวในอัตราที่เทียบได้หรือมากกว่าอัตราการขยายตัวของการก่อสร้าง สภาหอการค้าอุตสาหกรรมก่อสร้างแห่งเม็กซิโก (CMIC) ได้รายงานว่า มีบริษัทผู้ผลิตสินค้าเกี่ยวกับการก่อสร้างภายในประเทศ ที่เป็นบริษัทขนาดกลางและเล็ก (ลูกจ้างน้อยกว่า 50 คน) จำนวนกว่า 7,000 ราย และมีกำลังจ้างแรงงานทั้งทางตรงและทางอ้อมประมาณ 6.8 ล้านคน

ส่วนบริษัทที่เป็นผู้นำในด้านสินค้าก่อสร้างมีประมาณ 25 บริษัท อันได้แก่ บริษัท Cemex, Cementos Cruz Azul, Cementos Apasco, Eureka, Ceramica Santa Julia, Ladrillera Mecanizada, Terracon, Lamina Desplegada, Panel Rey, Vitro Fibras, Ceramica Gaya, Mosaicos Venecianos de Mexico, Fester, Laminados de Barro, Marmoles y Granitos, Cerraduras Tesa, Black and Decker, Imperquimia, Protexa, Productos Nacobre, Escaleras Rital, Vidrio Plano, Madeira Carpinteria Profesional, Recubre และ Productos Cristalum เป็นต้น

ช่องทางการตลาด

สำหรับตลาดการนำเข้าสินค้าก่อสร้างนั้น สหรัฐฯ เป็นผู้ที่ได้รับส่วนแบ่งของตลาดที่สำคัญ โดยในปี 2550 ได้มีการคาดคะเนสัดส่วนการครองตลาดการนำเข้าสินค้าก่อสร้าง คือ สหรัฐฯ ร้อยละ 60 อิตาลี ร้อยละ 10 สเปน ร้อยละ 9 จีนร้อยละ 7 เกาหลี ร้อยละ 6 ไต้หวันร้อยละ 4.5 แคนาดา ร้อยละ 2 และอื่น ๆ ร้อยละ 1.5 อย่างไรก็ดี ในปีหลัง ๆ ได้มีการนำเข้าาสินค้าเกี่ยวกับการก่อสร้างจากประเทศในแถบเอเชียมากขึ้น

ตลาดสินค้าก่อสร้าง (มูลค่า: ล้านเหรียญหสหรัฐ)

บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างเม็กซิกันกำลังค้นหาความรู้ เทคโนโลยี และวัตถุดิบทั้งในระดับราคาสูงและต่ำ ที่พร้อมติดตั้งได้สะดวกง่ายดาย และต้องการสั่งซื้อจากผู้ผลิตโดยตรงเพื่อรับราคาซื้อในระดับที่ต่ำที่สุด สินค้าก่อสร้างที่มีโอกาศในการนำเข้า (ตามระหัสสินค้า HS/ประเภทสินค้า) มีดังต่อไปนี้

7610.1001: Aluminum doors and windows
6910.10: Bathroom and kitchen fixtures
4418.1001: Windows and their frames of wood
4418.2001: Doors and their frames of wood
8512.10: Electrical fixtures
7019.9006: Electric insulating tubes
7308.3099: Steel and iron doors and windows
4418.3001: Parquet panels of wood
8203.4002: Plumbing fixtures
3925.2001: Plastic doors and windows
3920: Roofing products
7411.1001: Tubes and pipes of copper
8302.4105: Window brackets

การเจาะเข้าตลาดเม็กซิโกในขั้นแรก จำเป็นต้องหาตัวแทนจำหน่ายที่มีประสบการณ์ และเครือข่ายการขายกับบริษัทก่อสร้างอยู่แล้ว ซึ่งมักจะรวมตัวกันอยู่กันในพื้นที่ใกล้เคียงกับที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของบริษัทก่อสร้างสำคัญ ๆ ในขั้นต่อมาเมื่อมีประสบการณ์ในตลาดพอสมควรแล้ว สามารถเปิดสำนักงานตัวแทนจำหน่ายภายในประเทศเพี่อดูแลลูกค้าหลังการขาย

ผู้ผลิตสินค้าก่อสร้างที่ต้องการให้สินค้าของตนเป็นที่ยอมรับในการประมูลกับสถานบันที่เกี่ยวข้อง ควรจะลงทะเบียนบันทึกเป็นส่งมอบสินค้าด้านก่อสร้างไว้กับ INFONAVIT, FOVISSSTE, FONHAPO, PEMEX, CEF และสถาบันอาคารสังเคราะห์ในระดับรัฐ

ปัจจัยที่จะสนับสนุนการเจาะเข้าตลาดก่อสร้างที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ควรได้รับการพิจารณา คือ การให้เงินกู้ในลักษณะเงินช่วงเหลือในการพัฒนาประเทศหรือความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยการผูกมัดเงื่อนไขการสั่งซื้อสินค้าจากประเทศไทย

งานแสดงสินค้าสำคัญ:

CONCRETO LATIONAMERICA http://www.concretolatinoamerica.com/
Website: http://www.saiemexico.com.mxwww/

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง:

Mexican Chamber for the Construction Industry: http://www.cmic.org/
National Chamber for Housing: http://www.canadevi.org.mx/
National Chamber for Consulting Firms: http://www.cnec.org.mx/
Construction and Housing Development Center: http://www.cihac.com.mx/
National Institute for Geography and Statistics: http://www.inegi.gob.mx/
Institute of National Housing Fund for Workers:
Government Housing Fund for Federal and State workers: http://www.fovissste.gob.mx/

แหล่งข้อมูล:http://www.buyusa.gov/mexico/en/building_construction.html
http://www.bis.org/ifc/publ/ifcb31c.pdf

Increase in taxes for energy drinks in Mexico

รัฐสภาเม็กซิโกผลักดันกฏหมายขึ้นภาษีเครื่องดื่มประเภท Energy Drink

คณะกรรมาธิการฝ่ายสรรพกรของรัฐสภาเม็กซิโก ได้ลงมติเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2553 ให้มีการเก็บภาษี IEPS (Impuesto Especial sobre Producción y Servicio) สำหรับการผลิตและบริการต่าง ๆ เช่น การขนส่ง การจำหน่าย และการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มประเภท energy drink ในอัตราร้อยละ 25 รวมทั้งการเพิ่มภาษีของบุหรี่ จากซองละ 10 สตางค์ เป็นซองละ 35 สตางค์ โดยอ้างเหตุผลเพื่อการป้องกันสุขภาพของพลเมือง โดยเฉพาะเยาวชนเม็กซิกันที่นิยมนำเครื่องดื่มเติมกำลังไปผสมกับเหล้า และได้เกิดการเสียชีวิตไปเป็นบางราย การเพิ่มภาษีสำหรับเครื่องดื่มเติมกำลังร้อยละ 25 นี้ มีผลทำให้ราคาของเครื่องดื่มเติมกำลังเพิ่มอีกเป็นประมาณ 6 เปโซต่อกระป๋อง และภาษีดังกล่าวมีผลเก็บได้จากเครื่องดื่มเติมกำลังที่ขายในรูปแบบผง (ในซอง) สำหรับผสมในน้ำดื่มเอง รวมทั้งที่ขายเป็น concentrate สำหรับการผสม

สมาชิกสภาที่เป็นผู้ผลักดันมติดังกล่าวเป็นสมาชิกของพรรคเขียวของเม็กซิโก (PVEM-Partido Verde Ecologista de Mexico) นาง Adriana Sarur นาย Juan José Guerra Abud และนาย Francisco Agundis Arias ได้ผลัดกันผลักดันมติดังกล่างตั้งแต่เมื่อปี 2552 โดยสื่อมวลชนเม็กซิกันได้ออกข่าวอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดระยะเวลา 2-3 ปี่ที่ผ่านมาเกี่ยวกับอันตรายต่อสุขภาพที่เกิดขึ้นจากการดื่มเครื่องดื่มเติมกำลังไปผสมกับเหล้า หรือการดื่มเกินปริมาณที่แนะนำต่อวันซึ่งได้แก่ประมาณ 500 มิลิลิตรต่อวัน

การกำหนดเก็บภาษี IEPS ดังกล่าวข้างต้น เป็นมาตรการที่เพิ่มเติมนอกเหนือจากข้อกำหนดบังคับเกี่ยวกับการผลิดและการขายเครื่องดื่มเติมกำลังที่ได้กำหนดตั้งแต่ปี 2552 (Norma Oficial Mexicana PROY-NOM-218-SSA1-2009) จะมีผลกระทบต่อผู้ขายเครื่องดื่มเติมกำลังทุกราย ซึ่งในเม็กซิโกมีกว่า 50 ยี่ห้อ รวมทั้ง Red Bull ตรายี่ห้อของเครื่องดื่มเติมกำลังในเม็กซิโกที่ครองตลาดส่วนใหญ่ (ร้อยละ 95) มีรวม 10 ยี่ห้อ อันได้แก่ Red Bull, Monster, Boost, Dark Dog, La Bomba, Rockstar, Cult, Blue Shot, Tribu และ Cafe Olé ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการศึกาเกี่ยวกับการปรับกฏระเบียบ ได้แจ้งว่ามาตรฐานที่ควบคุมการผลิตเครื่องดื่มเติมกำลังได้กำหนดปริมาณคาเฟอินต่อ 100 มิลิลิตรไว้ไม่เกิน 33 มิลิกรัม แต่ได้มีผู้ผลิตเครื่องดื่มเติมกำลังบางรายได้มีปริมาณคาเฟอินถึง 82 มิลิกรัมต่อ 100 มิลิลิตร ซึ่งย่อมเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคที่ซื้อดื่มโดยไม่กำจัดปริมาณ หรือนำไปผสมกับเหล้าซึ่งเป็นสิ่งต้องห้าม

นอกจากนี้แล้ว รัฐ Queretaro ได้ออกกฏหมายประจำรัฐห้ามการขายเครื่องดื่มเติมกำลังทุกประเภทในแหล่งท่องเที่ยวกลางคืน เช่น บาร์และดิสโก้ ในพื้นที่เขตรัฐเคเร็ตตาโร่

แหล่งข่าวอ้างอิง:
http://eleconomista.com.mx/sistema-financiero/2010/10/20/red-bull-pagara-mas-impuestos
http://www.provincia.com.mx/17-10-2010/92040

Monday, November 22, 2010

Opportunities for Thai Trade & Investment: Air Conditioning Market in Mexico

ข้อมูลตลาดสินค้าเครื่องปรับอากาศในเม็กซิโก

1. รหัส HS ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเครื่องปรับอากาศ
  • H.S. code 8415 หมวดครื่องปรับอากาศโดยรวม
  • H.S. code 841510 เครื่องปรับอากาศแบบติดตั้งบนฝาผนังระบบครบวงจร
  • H.S. code 841581 หน่วยทำความเย็น ระบบปรับอากาศร้อนเย็น
  • H.S. code 841582 เครื่องปรับอากาศชนิดอื่น ๆ ที่มีหน่วยทำความเย็น 
  • H.S. code 841583 เครื่องปรับอากาศที่ไม่มีหน่วยทำความเย็น
  • H.S. code 841590 ชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศ
2. ภาวะการผลิต

ตลาดของเครื่องปรับอากาศในเม็กซิโกสามารถจัดแบ่งเป็น 3 ส่วน อันได้แก่ เครื่องปรับอากาศสำหรับบ้านเรือน สำหรับอาคาร และสำหรับรถยนต์ ตลาดของเครื่องปรับอากาศในเม็กซิโกได้มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยได้รับการกระตุ้นจากการเปิดเขตการค้าเสรีจากสหรัฐฯ ซึ่งเดิมเป็นผู้ส่งออกเครื่องปรับอากาศมายังเม็กซิโกที่สำคัญที่สุด โดยได้มีการเติบโตระหว่างปี 2546 และ 2547 ในอัตราร้อยละ 6 มูลค่าการส่งออกมายังเม็กซิโก เพิ่มจาก 962 ล้านเหรียญ เป็น 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ในปัจจุบันผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศที่สำคัญ ๆ ของสหรัฐฯ เช่น York, Trane และ Carrier ได้ตั้งโรงงานเพื่อทำการผลิตภายในเม็กซิโก ซึ่งทำให้มีการนำเข้าลดลง ถึงแม้ว่าแนวโน้มของการติดตั้งเครื่องปรับอากาศจะเพิ่มขึ้น ผู้ผลิตที่สำคัญรองลงมาได้แก่ บริษัท Samsung, LG และ Mirage ซึ่งมาเปิดโรงงานทำการผลิตเพื่อตลาดเม็กซิโก รวมทั้งเพื่อการส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคละตินอเมริกา

3. การบริโภค

ใน 5 ปีที่ผ่านมา การก่อสร้างบ้านเรือนได้เติบโตอย่างสม่ำเสมอในอัตราเฉลี่ยร้อยละ 4.5 ต่อปี ถึงแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยทั่วไปจะประสบปัญหาต่าง ๆ ทั้งนี้เป็นเพราะรัฐบาลของเม็กซิโกได้ให้การสนับสนุนการก่อสร้างเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน และเพื่อการกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจ จึงได้มีการเปิดโครงการบ้านอาคารสงเคราะห์ขนาดใหญ่หลายโครงการ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด รัฐที่ได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษได้แก่ กรุงเม็กซิโกซิตี้ รัฐเม็กซิโก โตลูกา กัวดาราฮาร่า มอนเตอเร เคเร็กตาโร และพาชูกา นอกจากอาคารบ้านเรือนแล้ว ยังมีการส่งเสริมการก่อสร้างอาคารที่ทำงาน ศูนย์การค้า โรงพยาบาล โรงหนัง โรงแรม และพิพิฒภัณฑ์

การลงทุนสำหรับภาคก่อสร้างในปี 2551 มีมูลค่ารวมประมาณ 64 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่การก่อสร้างในปี 2549 ได้มีการลงทุนเพื่อการสร้างบ้านเรือนมูลค่า 26 พันล้านเหรียญสหรัฐ

บริษัทรับเหมาก่อสร้างสำคัญของเม็กซิโกที่รับก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ ได้แก่ บริษัท ICA, GEO, ARA, HOGAR, SARE, HOMEX และ URBI ทั้งนี้ บริษัท GEO และบริษัท HOMEX นับว่าเป็นบริษัทก่อสร้างบ้านรายใหญ่ของเม็กซิโก

ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่มีผบต่อการซื้อขายเครื่องปรับอากาศได้แก่ ค่าไฟฟ้า ซึ่งในประเทศเม็กซิโกได้เพิ่มขึ้นตลอดมาทุก ๆ ปีตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา ในระหว่างปี 2552 และ 2553 ค่าไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 15 เนื่องจากการขาดการลงทุนเพื่อขยายความสามารถในการผลิต และถึงแม้ว่ารัฐบาลเม็กซิโกจะมีการอุดหนุนค่าไฟฟ้า แต่ผู้บริโภคยังคงเป็นผู้ที่แบกภาระค่าใช้จ่ายในการลงทุนของภาคการผลิตไฟฟ้าในเม็กซิโก ครอบครัวชนชั้นกลางโดยทั่วไปจะเสียค่าไฟฟ้าประมาณ 800-900 เปโซต่อเดือน
ในเขตกรุงเม็กซิโกซิตี้และรัฐเม็กซิโก ซึ่งเป็นที่ราบสูง จะไม่มีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศในบ้านเรือนโดยส่วนใหญ่ จะมีการติดระบบเครื่องปรับอากาศเฉพาะในอาคารทำงาน โรงแรม และห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่บางแห่ง โดยส่วนใหญ่ห้างสรรพสินค้าใหม่ ๆ จะออกแบบเป็นลักษณะเปิดรับลม เพื่อจำกัดบริเวณที่ต้องใช้ระบบปรับอากาศ อย่างไรก็ตามในเขตพื้นที่ตามชายฝั่งทะเล ในภาคเหนือ และในภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ ๆ อากาศร้อน มีการขยายตัวของการใช้เครื่องปรับอากาศมากขึ้น แต่โดยที่ค่าไฟเป็นปัจจัยที่ผู้ใช้จะต้องพิจารณาเป็นพิเศษ จึงมีการเน้นการแสวงหาระบบที่มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงาน

4. การนำเข้า

ได้มีการนำเข้าเครื่องปรับอากาศประเภทต่าง ๆ (หมวดรวมรหัส HS 8415) ในปี 2552 มูลค่ารวม 561 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากปี 2552 ซึ่งได้มีการนำเข้ามูลค่า 719 ล้านเหรียญฯ แสดงผลกระทบจากภาวะวิกฤตการณ์การเงินอย่างเห็นได้ชัด การนำเข้าเฉพาะเครื่องปรับอากาศในบ้านเรือน (HS 841510) มีมูลค่า 208 ล้านเหรียญฯ ในปี 2552 เพิ่มขึ้นจากมูลค่า 124 ล้านเหรียญฯ ในปี 2551 ในรอบห้าปีที่ผ่านมา ได้มีการนำเข้าเครื่องปรับอากาศสูงประเภทต่าง ๆ สุดในปี 2550 ในมูลค่า 764 ล้านเหรียญฯ
 

แหล่งนำเข้าที่สำคัญที่สุดสำหรับเครื่องปรับอากาศสำหรับบ้านเรือน ได้แก่ ประเทศจีน เกาหลี และสหรัฐฯ ได้มีการนำเข้าจากประเทศไทยในปริมาณที่สำคัญเล็กน้อย โดยในปี 2552 ได้มีการนำเข้ามูลค่า 3.2 ล้านเหรียญฯ รองจากสหรัญฯ ซึ่งได้ส่งเครื่องปรับอากาศมายังเม็กซิโกในมูลค่า 4.6 ล้านเหรียญฯ ในปีเดียวกัน

5. การส่งออก

การที่ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศสำคัญ ๆ ของสหรัฐฯ จีนและเกาหลี ได้เปิดโรงงานทำการผลิตในเม็กซิโก ทำให้การส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านและในภูมิภาคละตินอเมริกามีความสำคัญมากขึ้น ในปี 2552 ได้มีการส่งออกรวม 908 ล้านเหรียญฯ โดยการส่งออกชิ้นส่วนของเครื่องปรับอากาศมีความสำคัญมากกว่าการส่งออกเครื่องปรับอากาศทั้งตัว โดยส่วนใหญ่จะเป็นการส่งออกไปยังสหรัฐฯ เป็นสำคัญ

6. ช่องทางการตลาด

การจำหน่ายเครื่องปรับอากาศในเม็กซิโกมีหลายรูปแบบ มีทั้งการขายตรงต่อลูกค้าผ่านเครือข่ายของผู้แทยจำหน่ายของยี่ห้อต่าง ๆ รวมทั้งการวางขายตามร้านค้าย่อยซึ่งให้บริการการซ่อมเครื่องปรับอากาศ นอกจากนี้แล้ว ยังมีการขายผ่านในห้างขายปลีก
เมืองมอนเตอเรเป็นศูนย์กลางสำคัญสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากเป็นเมืองใหญ่ที่เป็นศุนย์กลางสำหรับเขตภาคเหนือ ที่มีอากาศร้อนและเย็นและมีความจำเป็นต้องใช้เครืองปรับอากาศมากกว่าภาคอื่นๆ

มีการจัดงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับการปรับอากาศในเม็กซิโกทุก 2 ปี ที่ชื่อว่า AHR Expo de aire acondicionado, calefacción, ventilación y refrigeración จัดแสดงงานสลับกันระหว่างเมืองมอนเตอรเรย์ และกรุงเม็กซิโกซิตี้ โดยงานฯ ในปี 2553 ได้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 9 ที่ World Trade Center ระหว่างวันที่ 26-28 ตุลาคม 2553 ได้มีบริษัทเข้าร่วมงานประมาณ 350 รายจาก 17 ประเทศ โดยมีผู้เข้าชมดูงานประมาณ 11,000 คน

 7. เงื่อนไขและกฎระเบียบทางการค้า

ประเทศเม็กซิโกได้เริ่มกำหนดมาตรฐานการประหยับพลังงานตั้งแต่ปี 2537 และในปัจจุบันมีมาตรฐานเกี่ยวกับการประหยัดพลังงานทั้งหมดมากกว่า 20 มาตรฐาน หรือ NOM มาตรฐานที่มีผลกระทบต่อการติดตั้งระบบการปรับอากาศมากที่สุดมี 3 มาตรฐาน (http://www.economia-noms.gob.mx/noms/consultasAction.do) คือ  
  •  PROY-NOM-023-ENER-2008: Energy Efficiency in Air Conditioners, Split Type without air ducts
  •  NOM-011-ENER-2006: Energy Efficiency in Central Air Conditioners Type, Package or Splits
  •  NOM-021-ENER/SCFI-2008: Energy Efficiency and Safety Standards for Room Air Conditioning
สินค้าไฟฟ้าที่ต้องติดฉลากมาตรฐานสินค้าในเม็กซิโก ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า ตู้เย็นและตู้แช่แข็ง ปั้ม และเครื่องต้มน้ำที่ใช้แก๊ซ แสดงตัวอย่างฉลาก และตรารับประกันการประหยัดพลังงาน ดังต่อไปนี้

8. ภาษีนำเข้า

อัตราภาษีนำเข้าของประเทศเม็กซิโกเก็บจากราคา CIF โดยมีอัตราโดยเฉลี่ย ดังนี้  (H.S. code/Description/ อัตราภาษีนำเข้า)

  • 841510 เครื่องปรับอากาศแบบติดตั้งบนฝาผนัง (ระบบครบวงจร): ยกเว้นภาษีนำเข้า
  • 841581 หน่วยทำความเย็น ที่มีระบบปรับอากาศร้อน/เย็น: 15%
  • 841582 เครื่องปรับอากาศชนิดอื่น ๆ ที่มีหน่วยทำความเย็น: 15%
  • 841583 เครื่องปรับอากาศที่ไม่มีหน่วยทำความเย็น: 10%
  • 841590 ชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศ: ยกเว้นภาษีนำเข้า
9. โอกาสทางการค้าของไทย

เครื่องปรับอากาศจากประเทศไทยน่าจะมีโอกาสการแข่งขันในตลาดราคาปานกลาง ในขนาดที่ใหญ่ขึ้นมาแบบตั้งหรือแขวนที่มีคุณสมบัติที่มีความคงทน เนื่องมีการนำเข้าเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กจากประเทศจีนที่มีต้นทุนการผลิตต่ำจำนวนมาก ในขณะที่สหรัฐฯ เน้นการขายเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่สำหรับอาคารพาณิชย์ และญี่ปุ่นและเกาหลีมุ่งขายเครื่องปรับอากาศที่มีคุณภาพราคาแพงผู้ส่งออกเครื่องปรับอากาศไทยควรเน้นการหาช่องทางการขายผ่านตัวแทนจำหน่าย ที่รับซื้อเพื่อการขายในปริมาณมากเพื่อส่งขายกับห้างขายปลีกใหญ่ ๆ เช่น Walmart/Bodega หรือมุ่งหาตัวแทนจำหน่ายที่มีความสัมพันธ์กับบริษัทก่อสร้างที่บริหารโครงการการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน โรงแรม และโรงพยาบาล หรือแสวงหาผู้แทนจำหน่ายที่มีประสบการณ์และเครือข่ายการบริการลูกค้าที่กว้างขวางอยู่แล้ว นอกจากนี้แล้ว อาจจะมีช่องทางเพื่อการผลิตในลักษณะ OEM เพื่อให้ฝ่ายเม็กซิกันทำการตลาดเอง

10. กิจกรรมส่งเสริมการส่งออก  

ผู้ส่งออกเครื่องปรับอากาศไทย บริษัท Bitwise Co. Ltd. ได้เดินทางมาเข้าร่วมงานแสดงสินค้า AHR Expo ระหว่างวันที่ 26-28 ตุลาคม 2553 และเดินทางไปเยือนลูกค้าต่อในประเทศบราซิล พารากวัย และฮอนดูรัส โดยสำนักงานส่งเสิรมการค้าฯ ได้เอื้ออำนวยความสะดวกและได้จัดนัดหมายให้บริษัทฯ ได้เข้าพบกับผู้นำเข้าที่ได้แสดงสนใจที่จะนำเข้าเครื่องปรับอากาศจากประเทศไทย

12. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

12.1. งานแสดงสินค้า AHR EXPO (http://www.ashraecdmexico.org/)
Contact: asistente@ashraecdmexico.org
Tel: (55 )5669-1367, 5669-0863

12.2. ANDIRA (Asociacion Nacional de Distribuidores-สมาคมผู้แทนจำหน่ายเครื่องปรับอากาศและตู้เย็น) (http://www.andira.org.mx/)
Email: Fruiz@mereti.com.mx (Francisco Ruiz)
Tel: 5510-0909

12.3. ANFIR (Asociacion Nacional de Fabricantes para la Industria de la Refrigeracion-สมาคมผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศและตู้เย็น) http://www.anfir.com/
Address: Insurgentes Sur No. 686-1001 Col. Del Valle, Mexico D.F. C.P. 03100
Tel: 5536-6217, 5669-1040

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม:

http://www.aireacondicionadomexico.org/
http://www.aireclima.com/
http://www.mundohvacr.com.mx/
http://www.profeco.gob.mx/encuesta/brujula/bruj_2006/bol20_aire_acon.asp
http://www.caloryfrio.com/200809232406/noticias/ferias-y-congresos/feria-ahr-de-aire-acondicionado-calefaccion-ventilacion-y-refrigeracion-en-mexico.html
http://www.eventseye.com/fairs/f-ahr-expo-mexico-3104-1.html
http://www.ashraecdmexico.org/sesiones%20tecnicas/2009-2010/sesion_tecnica_junio_2010.pdf

Wednesday, November 17, 2010

Thai Restaurants in Mexico

รายชื่อร้านอาหารไทยในเม็กซิโก

1. Mexico City

BANGKOK GARDEN
Plaza Galerías Local 5,
Melchor Ocampo 193,
Col. Verónica Anzures,
C.P. 17000,
México D.F.
Tel. 5260 3305

ERAWAN
Plaza Antara
Ejército Nacional 843-B, piso 2 (debajo de las salas de cine),
Col. Polanco.
México D.F.
Tel. 5281-3181

PAD THAI
Avenida Sonora 49-1,
Col. Condesa,
Mexico D.F.
Tel. 5256-4518
padthai.com.mx

SUKHOTHAI
Copenhage No. 30,
Zona Rosa,
(entre Reforma y Hamburgo)
Col. Juarez, Mexico D.F. 066000
Tel. 5280-4870

THAI GARDENS (POLANCO)
Calderón de La Barca, 72,
Colonia Polanco,
México D.F.
Tel. 5281 3850/56
http://www.thai-gardens.com/

THAI GARDENS (CONDESA)
Tamaulipas 100,
Colonia Condesa,
México D.F.
Tel.
http://www.facebook.com/pages/Thai-Gardens-Condesa-DF/184428833917?v=wall

2. Acapulco

SAFFRON
Banyan Tree Cabo Marques
Col. Punta Diamante
Acapulco, Guerrero 39907
Tel. (+52) 744 434 0100
http://www.banyantree.com/en/cabomarques/resort_facilities/dining/saffron/

3. Cancun:

SASI THAI
Marriot-CasaMagna
Blvd. Kukulcan Km. 12.5 Zona Hotelera,
Plaza La Isla, Cancún, México
Tel. (+52) 998 8812001
http://www.sasi-thai.com/

THAI LOUNGE
Interactive Aquarium Cancún,
Plaza La Isla, Z.H. Km. 12.5,
77500 Cancún
Tel./Fax (998) 8831401
http://www.thai.com.mx/

4. Los Cabos:

BAAN THAI
Historic Downtown,
San José,
Los Cabos,
Baja California Sur, Mexico
Tel. (624) 1434830

5. Monterrey:

BAAN MAI THAI
Plaza Tanarah, Avenida Vasconcelos
#345 Ote., Local 237
San Pedro Garca Garcia, Nuevo Leon
Tel. (81) 1642 4949 y 1642 4942
http://www.baanmaithai.com/

6. Vera Cruz:

KRUA THAI
Boulevard Miguel Aleman
(esq. Ballena, a 2 min. de WTC, hacia el corazon de Boca del Rio)
Fraccionamento los Delfines,
Vera Cruz, Mexico
Tel. (01) 229-202-0235 y 229-202-0234
http://www.kruathai.com.mx/

Friday, November 5, 2010

Mexico wants to impose import control for rice

ผู้ผลิตข้าวเม็กซิกันเรียกร้องการควบคุมการนำเข้าข้าว

นาย Pedro Alejandro Díaz Hartz ประธานสภาข้าวของเม็กซิโก (Comité Nacional del Sistema Producto Arroz) ได้ออกข่าวเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2553 เรียกร้องให้มีการควบคุมการนำเข้าข้าวจากต่างประเทศในเม็กซิโก รวมทั้งการกำหนดราคาของปัจจัยการผลิตที่เป็นธรรมแก่เกษตรกร เพื่อส่งเสริมให้มีการผลิตข้าวในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการภายในประเทศ

นาย Pedro ได้กล่าวว่า ผู้ผลิตข้าวภายในประเทศเม็กซิโก ที่มีอยู่ประมาณ 5,000 ราย เป็นจำนวนที่ลดลงจากผู้ผลิตประมาณ 25,000 รายที่เคยทำการผลิตเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศเม็กซิโกมีความต้องการบริโภคข้าวประมาณปีละ 800,000 ตันต่อปี แต่ความสามารถในการผลิตข้าวในปัจจุบันมีเพียงประมาณ 300,000 ตัน ทั้ง ๆ ที่มีพื้นที่เหมาะสมกับการปลูกข้าวมากพอ เช่น ในเขตรัฐ Vera Cruz, Campeche และ Chiapas เป็นต้น พื้นที่การเพาะปลูกข้าวในเม็กซิโกนับวันจะลดลง และเมื่อปีทีผ่านมา ทั้งวิกฤตการณ์การเงินและสภาวะอากาศได้บีบให้มีเกษตรกรทำการเพาะปลูกข้าวน้อยลงถึง 24,000 เฮ็กตาร์ จึงมีความเสี่ยงสูงสำหรับการผลิตข้าวภายในประเทศที่อาจจะหายสาปสูญไปในวันข้างหน้า

นาย Pedro ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า รัฐบาลเม็กซิโกไม่ได้ใส่ใจควบคุมดูแลการนำเข้า เป็นเหตุให้มีการลักลอกการนำเข้าข้าวและถั่ว โดยร้อยละ 75 ของข้าวที่นำเข้ามาในเม็กซิโกโดยความเห็นชอบของกรมสรรพกร เป็นการนำเข้าที่ไม่เป็นไปตามกฏระเบียบของรัฐ เมื่อ 15 ปีที่แล้วเม็กซิโกมีความสามารถในการผลิตข้าวได้อย่างเพียงพอกับความต้องการบริโภคภายในประเทศ แต่การเปิดตลาดการนำเข้าโดยเฉพาะกับสหรัฐฯ ได้มีผลกระทบต่อความสามารถในการผลิตและได้ทำลายระบบการเชื่อมโยงที่ควรมีระหว่างผู้ผลิดภายในถึงตลาดผู้บริโภค จึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่รัฐบาลของเม็กซิโกต้องหันมาใส่ใจดูส่งเสริมการผลิตข้าวภายในประเทศ



Source: World Trade Atlas


แหล่งข่าวอ้างอิง: http://www.jornada.unam.mx/2010/11/03/index.php?section=economia&article=026n1eco