โครงสร้างภาษีของเม็กซิโกได้รับการปรับปรุงโครงสร้างครั้งหลังสุดเมื่อปี คศ. 1986 และ 1988 สรุปโครงสร้างภาษีสำคัญคือ
ภาษีที่รัฐบาลกลางเป็นผู้จัดเก็บ (federal tax):
- ภาษีรายได้ ซี่งแบ่งประเภทย่อย เป็นภาษีรายได้บริษัท ร้อยละ 35 โดยภาษีขั้นต่ำสำหรับธุรกิจคือ asset tax ร้อยละ 2 ของมูลค่าทรัพย์สินบริษัท และรายได้ภาษีบุคคล (ISR) ร้อยละ 28
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม (IVA) ร้อยละ 15 สำหรับการขายสินค้า บริการ โดยมีการยกเว้นภาษีดังกล่าวสำหรับอาหารและยาบางประเภท
- ภาษีนำเข้าและส่งออก
- การหักอัตราร้อยละ 1 ของเงินเดือน เพื่อสมทบเข้ากองทุนสังคมสงเคราห์และกองเทนเพื่อการซื้อบ้านอยู่อาศัย
- ภาษีสรรพสามิต สำหรับกิจกรรมการขุดเหมือนแร่ ภาษีบุหรี่ ภาษีสุรา ภาษีน้ำมัน ภาษีบริการโทรคมนาคม ภาษีรถยนต์ ฯลฯ
- ภาษีอสังหริมทรัพย์ (property tax)
- ภาษีเงินเดือนซึ่งนายจ้างเป็นผู้จ่าย (salary tax)
- ภาษีการขายอสังหริมทรัพย์
แม้กระทั่งเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศละตินอเมริกาด้วยกันแล้ว การเก็บภาษีของเม็กซิโกจัดว่าอยู่ในอันดับต่ำมาก ทั้งนี้ การวิเคราะห์ได้ให้เหตุผลว่า สืบเนื่องจากโครงสร้างการเก็บภาษีของเม็กซิโกที่ขาดประสิทธิภาพ มีขั้นตอนยุ่งยาก และมีข้อยกเว้นมากมาย ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงภาษีได้หลายช่องทาง รวมทั้งผู้เสียภาษีไม่เต็มใจจ่ายภาษีเนื่องจากมีทัศนคติว่ารัฐบาลมีการโกงกินมาก ฉะนั้น นรัฐบาลเม็กซิโกจึงมีความจำเป็นอย่างสูงที่ต้องปรับปรุงประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี แก้ไขปัญหาการหลีกเลี่ยงภาษี และสร้างภาพพจน์ของรัฐบาลให้เกิดความเชื่อมั่นในการบริหารรายได้ของรัฐบาล
ปัญหาของรายได้รัฐบาลเม็กซิโกสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การพึ่งรายได้จากการผลิตและการส่งออกน้ำมัน โดยปริมาณการผลิตน้ำมันของเม็กซิโกได้เริ่มลดลงอย่างรวดเร็วในปีที่ผ่าน ๆ มาเนื่องจากบ่อน้ำมันสำคัญของเม็กซิโกได้ผ่านช่วงการผลิตสูงสุดแล้ว รวมทั้งโครงสร้างการเก็บภาษีน้ำมันไม่ได้เอื้ออำนวยให้นำกำไรจากการผลิตและส่งออกน้ำมันไปลงทุนสำรวจหาแหล่งน้ำมันใหม่เพิ่มเติม
วิกฤตการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2007-2009 ผนวกกับการลดลงอย่างกระทันหันของการผลิตน้ำมันใน 2ปีที่ผ่านมา ได้สร้างแรงดันแก่รายได้ของรัฐบาลเม็กซิโกอย่างมาก อันเป็นผลให้องค์กรการเงิน (credit rating agencies) Moody และ Fitch ได้ประกาศว่าหากรัฐบาลเม็กซิโกไม่ปรับโครงสร้างภาษี หรือบริหารรายได้รายจ่ายของรัฐบาลให้มีสมดุลมากขึ้นอย่างเร่งด่วน การจัดอันดับความสามารถทางเศรษฐกิจของเม็กซิโก (sovereign rating) ซึ่งอยู่ในระดับไม่ดีนัก คือ BBB+, negative outlook จะต้องถูกลดลงอีก
มาตรการฉุกเฉินที่ประธานาธิบดีแคเดรอนได้ตัดสินใจอย่างฉับพลันเพื่อลดงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาล ได้แก่ การสั่งปิดหน่วยงานของรัฐบาล 3 หน่วยงาน อันได้แก่ สำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว สำนักงานปฏิรูปการเกษตร และสำนักงานบริการประชาชน
ในการเปิดการพิจารณางบประมาณปี 2010 เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2552 ประธานาธิบดีแคลเดรอนได้เสนอแผนงานการปรับโครงสร้างภาษี โดยมีประเด็นสำคัญ คือ
- แผนงานปรับโครงสร้างภาษีที่เสนอจะเพิ่มความสามารถในการเก็บภาษีได้อีกร้อยละ 2.5 ของผลผลิตประชาชาติ
- เสนอการเก็บภาษีการบริโภค (consumer tax) ร้อยละ 2 และเพิ่มภาษีรายได้ขั้นต่ำสำหรับกิจการการค้า จากร้อยละ 16.5 โดยทยอยเพิ่มให้เป็นร้อยละ 17.5 ภายในปี 2553 และเก็บภาษีโทรคมนาคมร้อยละ 4
- จะเพิ่มมาตรการลงโทษผู้ที่หลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี โดยการหักภาษีร้อยละ 2 จากบัญชีเงินฝากของกิจการพ่อค้าขายปลีก
- จะอนุมัติให้ Pemex ใช้รายได้จากการขายน้ำมันเพื่อใช้ในการลงทุนเพื่อการสำรวจขุดเจาะหาแหล่งน้ำมันเพิ่มเติม
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2009 ปลัดกระทรวงการคลังเม็กซิโก ได้แถลงข่าวว่า รายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับปี 2009 ได้ลดลงจากปี 2008 ร้อยละ 17.5 ซึ่งลดลงมากกว่ารายได้จากภาษีอื่น ๆ ที่ลดลงร้อยละ 10.8 ในช่วงเดียวกัน ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ลดน้อยลงดังกล่าวสืบเนื่องมาจากการที่ รายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มจากน้ำมันที่ลดลง
แหล่งข้อมล:
http://www.mexconnect.com/articles/6-taxes-in-mexico
http://www.maquilaportal.com/editorial/editorial479.htm
KPMG Tax Report 2007 (pfd)
Mexico: A Comprehensive Development Agenda, Guigale et al.
OECD Tax collection
Mexico’s Peso Falls for Fifth Day on Downgrade Concerns, Oil
No comments:
Post a Comment