ประเมินผลกระทบของการเลื่อนกำหนดการจ่ายผลประโยชน์ของพันธบัตร Dubai World และการลดค่าเงินดองเวียดนาม ต่อเศรษฐกิจเม็กซิโก
1. ผลกระทบของ Dubai World
ตัวแทนของสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนต่างประเทศของเม็กซิโก (Promexico) ได้เดินทางไดเยือนรัฐดูไบเมื่อเดือนพฤศภาคม 2552 โดยได้รายงานว่า เม็กซิโกเป็นคู่ค้ากับดูไบอันดับที่ 64 โดยในปี 2551 มีมูลค่าการค้า 23 ล้านเหรียญสหรัฐอาหรัฐฯ และมีบริษัทเม็กซิกันที่มีกิจการในรัฐดูไบ 22 แห่ง หอการค้าดูไบได้เชิญชวนให้มีการเปิดเส้นทางการบินโดยตรงจากเม็กซิโกไปยังดูไบ
ต่อมาในเดือนตุลาคม 2552 รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอาหรับเอมิริต ได้เยือนเม็กซิโกอย่างเป็นทางการ และได้เข้าพบกับประธานาธิบดีแคเดรอนของเม็กซิโก โดยทั้งสองฝ่ายได้แสดงความสนใจที่จะขยายความสัมพันธ์ทางการค้าและการทุน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอาหรับฯ ได้เชิญชวนเม็กซิโกเข้าร่วมเป็นสมาชิก และร่วมการประชุม International Renewable Energy Authority (Irena) ในเดือนมกราคม 2553 นอกจากนี้แล้ว ได้ชักชวนให้เม็กซิโกสนับสนุนการใช้บริการท่าเรือของ Dubai World Port
ไม่ปรากฎข้อมูลว่า ภาคการเงินของเม็กซิโกได้ลงทุนในพันธบัตรของดูไบ จึงไม่เกิดผลกระบต่อภาคการเงินเม็กซิโกอย่างชัดเจน เพียงแค่ค่าเงินของเม็กซิโกและตลาดหลักทรัพย์ของเม็กซิโกได้อ่อนตัวลงเล็กน้อยในวันที่บริษัทดูไบเวิล์ดได้ประกาศข่าวขอยื่นระยะเวลาการจ่ายผลประโยชน์กองทุนออกไป หากดูไบเวิล์ดไม่สามารถเจรจาการผ่อนปรนหนี้ออกไปได้ใน 6 เดือนข้างหน้า อาจจะมีผลกระทบทางอ้อมในระยะยาวจากความอ่อนแอของระบบการเงินโลกโดยรวม โดยธนาคารต่างชาติที่มีเครือข่ายสำคัญในเม็กซิโก ซึ่งได้แก่ ธนาคาร HSBC ของอังกฤษซึ่งเป็นธนาคารอันดับ 5 ในสหรัฐอาหรับเอมิริต เป็นธนาคารที่มีสาขามากที่สุดในเม็กซิโก และธนาคาร Citigroup ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นธนาคารอันดับที่ 14 ของรัฐดูไบ มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับธนาคาร Banamex ของเม็กซิโก อาจจะได้รับผลกระทบต่อการดำเนินการในทางอ้อมบ้าง แต่สาขาเม็กซิโกของธนาคารทั้งสองดังกล่าวเป็นสาขาที่เข้มแข็ง เนื่องจากสามารถระดมทุนและค่าบริการจากผู้ฝากเงินภายในประเทศได้ในอัตราที่สูงกว่าสาขาใหญ่ในสหรัฐฯ หรืออังกฤษ จึงคาดว่าผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อเม็กซิโกมีน้อยมาก
2. ผลกระทบของการลดค่าเงินดองเวียดนาม
การลดค่าเงินดองจะมีผลส่งเสริมการส่งออกจากเวียดนามโดยทั่วไป เนื่องจากมีผลลดราคาสินค้าส่งออกของเวียดนาม สำหรับการส่งออกของเวียดนามไปยังเม็กซิโก ในปี 2551 มีมูลค่าการค้ารวม 683.23 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
โดยมูลค่าการนำเข้าของเม็กซิโกจากเวียดนามเท่ากับ 614. 47 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมูลค่าการส่งออกจากเม็กซิโกไปยังเวียดนามเท่ากับ 68.76 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ ตัวเลขการค้าบ่งชี้ว่า เม็กซิโกจะสามารถส่งออกไปยังเวียดนามได้มากขึ้นในปี 2552 โดยมูล่าการส่งออกจากเดือนมกราคมถึงสิงหาคมปีนี้ มีมูลค่า 80.85 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาร้อยละ 59 ในขณะที่ยอดนำเข้าจากเวียดนามช่วง มค.- สค. เท่ากับ 376.14 ล้านเหรียญฯ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของมูลค่าการนำเข้าปีก่อนเพียงเล็กน้อย
สินค้าที่เวียดนามส่งออกไปยังเม็กซิโกที่แข็งขันกับสินค้าส่งออกของไทย ได้แก่ รองเท้า เสื้อผ้าประเภทถักทอ เฟอร์นิเจอร์ และของเด็กเล่น ทั้งนี้ การส่งออกของไทยไปยังเม็กซิโกมีมูลค่าเป็นสามเท่าของการส่งออกของเวียดนาม นั่นคือ มูลค่าการค้าระหว่างไทยและเม็กซิโกในปี 2551 มีมูลค่ารวมเท่ากับ 2,343.99 ล้านเหรียญสหรัฐฯ การนำเข้าของเม็กซิโกจากไทยเท่ากับ 2,214.69 ล้านเหรียญฯ และการส่งออกของเม็กซิโกไปยังประเทศไทยเท่ากับ 129.30 ล้านเหรียญฯ
เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของเม็กซิโกที่ซบเซาในปี 2552 ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการ์ณการเงินของสหรัฐฯ คาดว่าการส่งออกของไทยไปยังเม็กซิโก อาจจะลดลงหรือมีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย รวมทั้งการลดค่าเงินดอง อาจจะมีผลให้ผู้นำเข้าหันไปนำเข้าจากเวียดนามในหมวดสินค้าที่ได้กล่าวถึงข้างต้น ทั้งนี้ มูลค่าการนำเข้าของเม็กซิโกจากไทยสำหรับช่วง มค.- สค. ปี 2552 มีมูลค่า 1,174.26 ล้านเหรียญฯ และการส่งออกจากเม็กซิโกไปยังประเทศไทยในช่วงเดียวกันเท่ากับ 66.93 ล้านเหรียญฯ
No comments:
Post a Comment