Google Website Translator

Monday, November 14, 2011

Phytosanitary measures for rice imports in Central America

ผู้ส่งออกข้าวต่างประเทศประท้วงกฎระเบียบด้านสุขอนามัยอาหาร สำหรับการนำเข้าข้าวของคอสตาริกา

ภูมิหลังการใช้มาตรการด้านสุขอนามัยกีดกันการนำเข้าข้าวในกลุ่มประเทศอเมริกากลาง

ข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของภูมิภาคละตินอเมริกาและแคริเบียน ซึ่งนับวันจะเพิ่มความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ โดยภูมิภาคละตินอเมริกาและแคริเบียนมีแนวโน้มจะเป็นแหล่งผลิตข้าวที่สำคัญของโลกในอนาคต องค์กรอาหารโลกได้คาดคะเนผลผลิตข้าวของภูมิภาคดังกล่าวสำหรับปี 2011 ปริมาณ 29.2 ล้านตัน ผู้ผลิตข้าวที่สำคัญของภูมิภาคฯได้แก่ ประเทศบราซิล ซึ่งจะมีผลผลิตข้าวประมาณ 13.5 ล้านตัน สำหรับปี 2011 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากปีก่อน เปรูผลิตได้ 2.7 ล้านตัน โคลัมเบีย 1.9 ล้านตัน อาร์เจนตินา 1.5 ล้านตัน อุรุกวัย 1.5 ล้านตัน เวเนซุเอลา 900,000 ตัน เอควาดอร์ 1.4 ล้านตัน กวายานา 584,000 และโบลิเวีย 450,000 ตัน โดยกลุ่มประเทศอเมริกากลางและแคริเบียนมีผลิตรวมประมาณ 2.86 ล้านตัน ในขณะที่ผลผลิตข้าวในเม็กซิโกสำหรับปี 2011 จะลดลงเป็นปริมาณเพียง 250,000 ตัน เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยและการลงทุนในการผลิตข้าวที่ลดลง

การค้าข้าวระหว่างประเทศโดยรวมในตลาดโลก มีสัดส่วนเพียงประมาณร้อยละ 7 ของผลผลิตข้าวทั่วโลก หรือประมาณ 31 ล้านตัน ในปริมาณดังกล่าวภูมิภาคละตินอเมริกาและแคริเบียนจะนำเข้าข้าวประมาณ 3.4 ล้านตันต่อปี โดยกลุ่มประเทศอเมริกากลางกับแคริเบียนเป็นผู้นำเข้าข้าวที่สำคัญ โดยนำเข้าประมาณ 2.1 ล้านตัน ส่วนผู้ส่งออกข้าวที่สำคัญสำหรับภูมิภาคละตินอเมริกา ได้แก่ อุรุกวัยและบราซิล ที่มีการส่งออกประมาณ 900,000 และ 600,000 ตัน ตามลำดับ

ภูมิภาคละตินอเมริกาโดยรวมได้นำมาตรฐานด้านสุขอนามัย มาใช้เพื่อป้องกันผู้ผลิตข้าวภายในของแต่ละประเทศ ตามข้อกำหนดทที่องค์การค้าโลกอนุมัติ แต่บางประเทศมีการใช้มาตรการด้านสุขอนามัยเกินความจำเป็น ยกตัวอย่าง เช่น เปรู โคลัมเบีย เอควาดอร์ คอสตาริกา ฮอนดูรัส เอลซัลวาดอร์ ปานามา สาธารณรัฐดอมินิกัน และเม็กซิโก


อาร์เจนตินาและสหรัฐฯ ประท้วงกฏระเบียนด้านสุขอนามัยสำหรับการนำเข้าข้าวในคอสตาริกา

การกำหนดราคาข้าวภายในประเทศของคอสตาริกา และการเพิ่มข้อบังคับเกี่ยวกับการเสริมวิตามินในข้าว โดยได้กำหนดเพิ่มเติมว่าให้ทำการเสริมวิตามินในแหล่งผลิตข้าว และไม่อนุมัติให้ทำการเสริมวิตามินโดยผู้นำเข้าภายหลังการนำเข้ามาแล้ว ได้รับการประท้วงจากผู้นำเข้า ผู้ส่งออกต่างประเทศ และกลุ่มผู้บริโภค โดยเมื่อต้นปี 2011 ได้มีการกักกันข้าวปริมาณ 525 ตันที่ท่าเรือลิมอน ที่มีต้นกำเนิดจากอาร์เจนตินา บราซิล และอุรุกวัย อันเป็นผลให้เอกอัคราชทูตอาร์เจนตินาประจำคอสตาริกาได้ยื่นหนังสือประท้วงกับรัฐบาลคอสตาริกาแจ้งว่า การได้ใช้มาตรการด้านสุขอนามัยของคอสตาริกา ได้มีการปฏิบัติอย่างไม่เป็นระบบตามอารมย์ของรัฐบาล ซึ่งเป็นการละเมิดกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศตามที่องค์การค้าโลกกำหนด ทั้งนี้ กระทรวงการค้าคอสตาริการได้ตอบรับทราบข้อประท้วงดังกล่าว และได้แจ้งกลับว่า การกำหนดการเติมวิตามินใส่ข้าว เป็นมาตรการที่ถูกต้องตามข้อกำหนดการค้าด้านสุขภาพ

ผู้นำเข้าข้าวที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงวิธีปฏิบัติดังกล่าว ได้แจ้งผู้สื่อข่าวว่า มาตรการกำหนดการเติมวิตามินในข้าว ได้ประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2002 แต่ไม่เคยได้รับการปฎิบัติจนกระทั่งเมื่อต้นปี 2011 หลังจากที่ตัวแทนผู้ผลิตข้าวคอสตาริกาได้เข้าพบกับและกดดันให้รัฐบาลรับซื้อข้าวที่ผลิตได้ทั้งหมดทั้ง ๆ ที่ผู้ผลิตมีปัญหาในการส่งมอบและจัดเก็บข้าว ผู้ผลิตข้าวคอสตาริกาได้เพิ่มพื้นที่การผลิตในปี 2011 เป็น 81,000 เฮคเตอร์จาก 66,400 เฮคเตอร์ในปี 2010 โดยคาดว่า ผลผลิตข้าวปี 2011 จะมีปริมาณประมาณ 281,000 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากผลผลิตปี 2010 ที่มีปริมาณ 250,849 ล้านตัน

มาตรการการกำหนดราคาซื้อข้าวจากผู้ผลิตภายในที่สูง เป็นมาตรการที่ได้รับการตักเตือนโดยองค์การค้าโลก โดยจัดถือได้ว่าเป็นมาตรการการอุดหนุนซึ่งต้องห้าม ในปี 2010 รัฐบาลคอสตาริกาได้จัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่ผู้ผลิตข้าว มูลค่า 109 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นจำนวนที่เกินปริมาณที่องค์การค้าโลกได้กำหนดไว้ถึงเจ็ดเท่า ตัวแทนการค้าสหรัฐฯ ณ กรุงเจนีวา พร้อมกับสมาชิกองค์การค้าโลกอีก 70 ประเทศ ได้กล่าวประท้วงนโยบายของรัฐบาลคอสตาริกาดังกล่าวอย่างแรงในการประชุมกลุ่มเกษตรเมื่อต้นปีนี้ ซึ่งบ่งชี้แนวโน้มการนำไปสู่การตอบโต้ทางการค้าจากประเทศเหล่านี้ได้ในอนาคต

ราคาข้าวภายในที่รัฐบาลคอสตาริการับซื้อจากผู้ผลิตข้าวภายในประเทศจากเดือนมกราคม 2011 เป็นต้นไป ได้กำหนดไว้ที่ 39.30 เหรียญต่อกระสอบละ 73.6 กิโล ซึ่งเป็นราคาที่ได้ลดลงจากราคาเดิม 41.89 เหรียญฯ ซึ่งมีผลให้ราคาข้าวที่ขายแก่ผู้บริโภคลดลง 8 สตางค์ต่อกิโกกรัม เป็นราคา 1.35 เหรียญต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ ผู้ผลิตข้าวคอสตาริกัน ได้เรียกร้องให้รัฐบาลลงทุนในการพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิตข้าวเป็นข้อตอบแทน ในฝ่ายตรงข้ามกลุ่มสนับสนุนผู้บริโภคในคอสตาริกา ได้รณรงค์ประท้วงการกำหนดราคาข้าวที่สูงกว่าราคาข้าวระหว่างประเทศ โดยได้แจ้งในรายงานเปิดเผยข้อมูลว่า ผู้บริโภคข้าวในคอสตาริกามีค่าใช้จ่ายสำหรับการซื้อข้าวต่อปีมูลค่าประมาณ 45 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี และหากราคาข้าวภายในประเทศถูกกำหนดให้เท่ากับระดับราคาโลก ผู้บริโภคจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อข้าวได้ถึงปีละ 282 เหรียญ หรือร้อยละ 10 ของรายได้เฉลี่ย

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
http://www.centralamericadata.com/en/article/main/Rice_Problem_In_Costa_Rica_Becomes_International_Problem?u=465f3b3f5
http://www.ias.ac.in/currsci/feb102008/303.pdf
http://www.fao.org/DOCREP/006/Y4751E/y4751e0t.htm#TopOfPage
http://www.fao.org/docrep/014/am491e/am491e00.pdf

No comments: