ภาวะการผลิต
การค้าสิ่งทอโลกในปัจจุบันมีมูลค่ามากกว่า 4 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีแนวโน้มที่จะมีการขยายตัวต่อไป โดยผู้วิจัยด้านการตลาดคาดว่า ช่วงระหว่างปี 2545-2553 ได้มีการขยายตัวการค้าสิ่งทอโลกในอัตราร้อยละ 25 ประเทศที่มีความสำคัญที่สุดในการผลิตและส่งออกสิ่งทอ ได้แก่ ประเทศจีน ซึ่งมีส่วนแบ่งของตลาดโลกประมาณร้อยละ 46 รองลงมาได้แก่ ประเทศอินเดีย ซึ่งมีส่วนแบ่งในการค้าโลกร้อยละ 20 ประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ที่กำลังมีการขยายการผลิตอย่างรวดเร็ว ได้แก่ ประเทศปากีสถาน เวียดนาม เขมร บางกลาเทศ และตุรกี
ในระยะ 20 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมสิ่งทอของเม็กซิโกได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันก็มีช่วงที่ไม่สามารถปรับทันต่อสภาวะการแข่งขันเช่นกัน ทั้งนี้ การขยายตัวอย่างรวดเร็วได้มีสาเหตุสำคัญมาจากการเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ตั้งแต่ปี 2537 โดยการส่งออกสินค้าสิ่งทอ (ผ้าผืน เส้นด้ายและเสื้อผ้าสำเร็จรูป- H.S. code 52 – 63) ไปตลาดสหรัฐฯ ในปี 2538 มีมูลค่า 3,562 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 6,931 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2549 หรือประมาณร้อยละ 94
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการส่งออกสิ่งทอของเม็กซิโก ได้แก่ การแข่งขันจากประเทศจีน และกลุ่มประเทศอเมริกากลาง รวมทั้งผลกระทบของวิกฤตการณ์การเงินของสหรัฐฯ
ในปี 2544 ประเทศจีนได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การค้าโลกและสามารถส่งออกสิ่งทอไปยังสหรัฐฯได้ จึงแย่งส่วนแบ่งการครองตลาดสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในสหรัฐฯ ไปจากเม็กซิโก ทำให้สินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจากเม็กซิโกลดความสำคัญลง ในปี 2550 ประเทศจีนมีสัดส่วนการครองตลาดสิ่งทอฯ ในสหรัฐฯ ร้อยละ 36 ในขณะที่สัดส่วนของเม็กซิโกลดลงร้อยละ 7 ปัจจุบันเม็กซิโกเป็นแหล่งนำเข้าสินค้าสิ่งทอฯ สำหรับสหรัฐฯ เป็นอันดับสี่
ต่อมาในปี 2547 สหรัฐฯ ได้ทำความตกลงเขตการค้าเสรีกับกลุ่มประเทศอเมริกากลาง ประเทศเหล่านี้มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าเม็กซิโก และยังมีความสามารถผลิตสินค้าสิ่งทอได้อย่างมีคุณภาพ เนื่องจากการลงทุนในกลุ่มประเทศเหล่านี้เป็นการลงทุนใหม่ และได้นำเครื่องจักรและกระบวนการผลิตที่ทันสมัยกว่ามาใช้ได้ทันที อันเป็นผลให้ผู้นำเข้าสหรัฐฯ หันไปสั่งสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจากประเทศอเมริกากลางเพิ่มขึ้น
วิกฤตการณ์การเงินของสหรัฐฯ ในปี 2551 มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเม็กซิโกมากกว่าประเทศคู่ค้าอื่นๆ ของสหรัฐฯ โดยภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอฯ ของเม็กซิโกเป็นภาคที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ผู้ดำเนินกิจการด้านสิ่งทอฯ ต้องปิดกิจการและเลิกจ้างคนงานเป็นจำนวนมาก มีการประเมินว่าการส่งออกสิ่งทอฯ ของเม็กซิโกได้ลดลงประมาณ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ระหว่างปี 2551 ถึงปี 2552
อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตสินค้าสิ่งทอของเม็กซิโกยังคงมีความหวังว่า ภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอจะสามารถฟื้นตัวขึ้นได้ หากเม็กซิโกเน้นการเสนอขายสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่มีความหลากหลายมากขึ้น และเสนอบริการส่งสินค้าที่ทันต่อเวลาในระยะเวลาที่น้อยกว่าประเทศอื่น ๆ รวมทั้งความใกล้ชิดกับตลาดของสหรัฐฯ ที่ทำให้นักธุรกิจเม็กซิกันมีความคุ้นเคยกับสภาวะและรสนิยมตลาดสหรัฐฯ จะเป็นจุดแข็งในการขายสินค้าสิ่งทอจากเม็กซิโก นอกจากนี้แล้ว ผู้ผลิตเม็กซิกันได้เริ่มตื่นตัวต่อการแข่งขันจากประเทศกำลังพัฒนาที่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่ามากขึ้น และกำลังปรับปรุงเรียนรู้กระบวนกากรผลิตและการขายใหม่ๆ โดยในระยะ 5 ปีที่ผ่านมาได้มีการลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่กว่า 2 พันล้านเหรียญฯ
ตลาดส่งออกที่มีสำคัญสำหรับสินค้าสิ่งทอจากเม็กซิโก รองจากสหรัฐฯ ได้แก่ แคนาดา โคลัมเบีย และจีน นอกจากนี้แล้ว ตลาดภายในประเทศของเม็กซิโกเองก็เป็นตลาดที่สำคัญมากและยังมีโอกาสการขยายตัวอีก่อนข้างสูง ทั้งนี้ บริษัท Walmart ได้เปิดสาขาใหม่ในเม็กซิโกในปี 2552 ทั้งหมด 174 สาขา และบริษัท Cherokee Group, Gap Inc และ Inditex ต่างได้ขยายกิจการในปีที่ผ่านมา
ภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอของเม็กซิโกมีการจ้างแรงงานโดยตรง 130,000 คน และภาคเครื่องนุ่งห่มจ้างแรงงานโดยตรงอีก 400,000 คน
การบริโภคและตลาดภายในประเทศ
บริษัทวิจัยตลาดสิ่งทอ Trendex Mexico ได้รายงานว่า ในปี 2551 ตลาดเสื้อผ้าสำเร็จรูปภายในของเม็กซิโกมีมูลค่าประมาณ 21 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยสามารถแบ่งเป็น 9.3 พันล้านเหรียญฯ สำหรับเสื้อผ้าชาย 8.3 พันล้านเหรียญฯ สำหรับเสื้อผ้าหญิง 3 พันล้านเหรียญฯ สำหรับเสื้อผ้าเด็ก และ 400 ล้านเหรียญฯ สำหรับเสื้อผ้าเด็กธารก ทั้งนี้ การใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวสำหรับการซื้อเสื้อผ้า มีมูลค่าประมาณ 195.20 เหรียญฯ ต่อหัวต่อปี โดยจะมีการซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปจากห้างสรรพสินค้า ประมาณร้อยละ 25 จากซุปเปอร์มาร์เก็ตร้อยละ 16 จากร้านบูติกร้อยละ 21 และจากแผงลอยตามตลาด อีกร้อยละ 33 ทั้งนี้ ตลาดการขายเสื้อผ้าตามแผงลอย มีมูลค่าการขายเกือบเท่ากับตลาดในห้างสรรพสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขายเสื้อผ้าสำเร็จราคาถูกจากประเทศจีนที่ลักลอยเข้ามาโดยพ่อค้าแม่ค้าอิสระอย่างหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้า
ตลาดเสื้อผ้าสำเร็จรูปในเม็กซิโกเป็นตลาดที่มีคู่แข่งหลายราย โดยมีบริษัทสำคัญ 11 รายที่ครองตลาดรวมกันมีสัดส่วนในตลาดร้อยละ 37 โดยในปี 2008 บริษัท Suburbia มีส่วนแบ่งการครองตลาดในเม็กซิโกร้อยละ 8.9 บริษัท Liverpool/Fabricas ร้อยละ 7.5 บริษัท Bodega Aurrera ร้อยละ 3.5 บริษัท Coppel ร้อยละ 3.5 Walmart de Mexico ร้อยละ 3.4 และ Zara ร้อยละ 2.4
การนำเข้า
การนำเข้าสิ่งทอรายการที่สำคัญที่สุดของเม็กซิโกได้แก่ เสื้อผ้าถักทอ ในปี 2552 ได้มีการนำเข้าเสื้อถักทอมูลค่า 982 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลดจากปี 2551 ร้อยละ 16 สินค้าสิ่งทอสำคัญรองลงมาได้แก่ ผ้าฝ้ายและเส้นด้ายฝ้าย มีมูลค่าการนำเข้าในปี 2552 เท่ากับ 978 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อมาสินค้าสิ่งทออันดับสามได้แก่ เลื้อผ้าสำเร็จรูป ซึ่งมีมูลค่าการนำเข้าในปี 2552 เท่ากับ 965 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปริมาณการนำเข้าที่ลดลงจากปีก่อนในอัตราร้อยละ 18
เม็กซิโกนำเข้าผ้าและเส้นด้ายฝ้าย จากสหรัฐฯ เป็นสำคัญ เนื่องจากการผลิตที่จะส่งออกไปยังสหรัฐฯ สามารถขอยกเว้นการเสียภาษีนำเข้าภายใต้โครงการสิทธิพิเศษมาคิดอร่า แหล่งนำเข้าสำหรับผ้าและเส้นด้ายฝ้ายรองลงมาได้แก่ ประเทศจีน และกัวเตมาลา
การส่งออก
รายการสินค้าสิ่งทอส่งออกที่สำคัญที่สุดของเม็กซิโกได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูปประเภทถักและทอ (HS 61, 62, 63) โดยมีมูลค่าการส่งออกรวมสามรายการดังกล่าว ในปี 2552 เท่ากับ 4,729 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นปริมาณที่ลดลงจากปีก่อนเช่นกัน แสดงผลกระทบของวิกฤตการณ์การเงินของสหรัฐฯ อย่างชัดเจน ตลาดส่งออกสินค้าสิ่งทอที่สำคัญของเม็กซิโก ได้แก่ สหรัฐฯ และแคนาดา
ทั้งนี้ ในต้นปี 2553 เริ่มจะเห็นการฟื้นฟูในการส่งออกสิ่งทอไปยังสหรัฐฯ โดยในเดือนมกราคม ถึงกุมภาพันธ์ แสดงการนำเข้ารายการสิ่งทอ HS 61, 62 และ 63 เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 6, 5 และ 12 ตามลำดับ
ช่องทางการตลาด
สินค้าเส้นด้ายและผ้าผืนจะมีช่องทางการขายผ่านผู้นำเข้าไปยังผู้ค้าส่งหรือโรงงาน การขยายตลาดโดยผ่านช่องทางการแต่งตั้ง Local Distributor หรือผ่าน Bonded Warehouse เป็นสิ่งที่ควรพิจารณาดำเนินการ ในการแสวงหาลูกค้าที่เป็นโรงงานผลิตขั้นปลายให้ได้มากขึ้น ทั้งนี้หากจะแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ ผู้ที่เป็นตัวแทนหรือ Distributor เหล่านี้จะสามารถช่วยดูแลลูกค้าทั้งก่อนและหลังการจำหน่ายสินค้า และสามารถบริหารจัดการในการจัดส่งสินค้าได้ตามกำหนดแบบ Just – in – time นอกจากนี้ยังจะช่วยในการประชาสัมพันธ์สินค้าโดยการเข้าไปร่วมงานแสดงสินค้าแทนผู้ส่งออกได้ด้วย อย่างไรก็ตามในการจัดหาตัวแทนดังกล่าวผู้ส่งออกไม่ควรให้มีผลกระทบทำให้ต้นทุนราคาสินค้าสูงขึ้นมาก เพราะจะทำให้ลูกค้าที่เป็นโรงงานปฏิเสธการติดต่อผ่านตัวแทนเพื่อตัดคนกลาง ทั้งนี้ผู้ค้าส่งผ้าผืนของเม็กซิโกส่วนใหญ่จะกระจายอยู่ในเมืองสำคัญทางการค้า อาทิ กรุงเม็กซิโก เมืองกัวดาลาฮาร่า และเมืองมอนเตอเร
การค้าสินค้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปขายผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่
ผ่านผู้นำเข้าทั่วไปซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ค้าส่ง ผู้ค้าเหล่านี้จะนำสินค้าไปเสนอขายให้กับห้างสรรพสินค้า ห้างไฮเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าเฉพาะต่างๆ ผู้นำเข้าบางรายจะมีโรงงานในเครือและนำเข้าสินค้าบางส่วนที่ตนไม่สามารถผลิตได้เข้ามาจำหน่าย บางรายไม่มีโรงงานแต่มีตรายี่ห้อสินค้าของตนเอง ผู้นำเข้าเหล่านี้มักให้ความสำคัญด้านราคาเป็นหลัก ดังนั้นผู้ส่งออกจากจีนจึงมักจะได้เปรียบในการขายให้กับผู้นำเข้าประเภทนี้ แต่อย่างไรก็ตามในกลุ่มผู้นำเข้าที่มีตรายี่ห้อสินค้าของตนเองจะให้ความสำคัญกับด้านคุณภาพสินค้า ดังนั้นผู้นำเข้ากลุ่มนี้จะเป็นโอกาสในการเข้าไปเจาะตลาดของผู้ส่งออกไทย
ผ่านห้างสรรพสินค้าและห้างไฮเปอร์มาร์เก็ต อาทิ ห้างสรรพสินค้า Liverpool ห้างสรรพสินค้า SEAR และห้างสรรพสินค้า Palacio De Hierro รวมทั้งห้างไฮเปอร์มาร์เก็ต อาทิ Soriana, Gigante, Comercial Mexicana, Wal-mart Mexico ห้างเหล่านี้มักจะใช้ International Buying Agent อาทิ Li-Fung หรือ Collins เป็นผู้จัดซื้อสินค้า และจะซื้อจากผู้นำเข้ารายย่อยที่มาเสนอขายกับฝ่ายจัดซื้อของห้าง ดังนั้นการที่ผู้ส่งออกจะเข้าไปเสนอขายโดยตรงจะค่อนข้างนัดหมายยาก และห้างเหล่านี้ต้องการบริการหลังการขาย เนื่องจากเป็นห้างใหญ่และมักจะมีอำนาจต่อรองมากกว่าผู้ขาย
ผ่านร้านค้าเฉพาะเสื้อผ้าสำเร็จรูป ซึ่งมีจำหน่ายสินค้าที่เป็น High Fashion และมีราคาแพง โดยทั่วไปร้านค้าเหล่านี้จะมีสาขาจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วประเทศ อาทิ ร้าน LOB, ร้าน Zara, ร้าน Julio, ร้าน C&A ซึ่งร้านเหล่านี้มักมีโรงงานของตนเอง และจะซื้อบางส่วนจากแหล่งอื่นๆ ด้วย โดยบางรายจะมี Buying Agent ในเอเชียแล้ว ดังนั้นผู้ส่งออกจะต้องติดต่อผ่าน Buying Agent ของบริษัทเหล่านี้
ภาษีนำเข้า
อัตราภาษีนำเข้าของประเทศเม็กซิโกเก็บจากราคา CIF โดยมีอัตราโดยเฉลี่ย ดังนี้
- H.S. code 52 (ด้ายฝ้าย และผ้าทอจากฝ้าย) ภาษีนำเข้า 15% ต่อ Kg/m2
- H.S. code 54 (เส้นใยยาวประดิษฐ์ และผ้าทอจากใยประดิษฐ์) ภาษีนำเข้า 15% ต่อ Kg/m2
- H.S. code 55 (เส้นใยสั้นประดิษฐ์) ภาษีนำเข้า15% ต่อ Kg/m2
- H.S. code 56 (ผ้าสักลาดและผ้าที่ไม่ได้ทอ) ภาษีนำเข้า 15% ต่อ Kg
- H.S. code 58 (ผ้าทอเป็นปุย ผ้าลูกไม้) ภาษีนำเข้า 35% ต่อ Kg
- H.S. code 60 (ผ้าถัก) ภาษีนำเข้า10% ต่อ Kg
- H.S. code 61 (เสื้อผ้าสำเร็จรูปทำจากผ้าถัก) ภาษีนำเข้า 35% ต่อชิ้น
- H.S. code 62 (เสื้อผ้าสำเร็จรูปทำจากผ้าทอ) ภาษีนำเข้า 35% ต่อชิ้น
- H.S. code 63 (เคหะสิ่งทอ) ภาษีนำเข้า 35% ต่อชิ้นคู่/Kg
เม็กซิโกนำเข้าจากไทย
ในปี 2552 เม็กซิโกนำเข้าสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจากไทยดังต่อไปนี้
(มูลค่า: เหรียญสหรัฐฯ) 2551 2552
HS 52 (ด้ายฝ้าย และผ้าทอจากฝ้าย) 6,008,513 4,905,605
HS 54 (เส้นใยยาวประดิษฐ์ และผ้าทอจากใยประดิษฐ์) 7,700,812 14,506,420
HS 55 (เส้นใยสั้นประดิษฐ์) 4,003,706 3,191,169
HS 56 (ผ้าสักลาดและผ้าที่ไม่ได้ทอ) 3,295,678 2,795,174
HS 58 (สิ่งทออุตสาหกรรม) 1,728,310 639,982
HS 61 (เสื้อผ้าสำเร็จรูปทำจากผ้าถัก) 19,328,402 17,141,387
HS 62 (เสื้อผ้าสำเร็จรูปทำจากผ้าทอ) 12,215,224 9,321,501
HS 63 (เคหะสิ่งทอ) 1,588,689 1,546,252
HS 64 (รองเท้า) 13,456,764 14,343,365
เม็กซิโกส่งออกมาไทย
ในปี 2552 เม็กซิโกส่งออกสินค้าเส้นด้ายและผ้าผืนมาไทยในหมวด HS 52 (ผ้าและเส้นใยฝ้าย) เป็นส่วนใหญ่ มูลค่า 5.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีการส่งออกสินค้าสิ่งทอมายังประเทศไทยในหมวดสินค้า 51 (ผ้าและเส้นใยขนแกะ) 59 (สิ่งทออุตสาหกรรม) และหมวด 62 (เสื้อผ้าสำเร็จรูปจากผ้าทอ) มูลค่า 890,778 เหรียญสหรัฐฯ 1,069,840 เหรียญสหรัฐฯ และ 813,364 เหรียญสหรัฐฯ ตามลำดับ
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงเม็กซิโก ได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้า Intermoda 2009 ระหว่างวันที่20-23 มกราคม 2552 ณ ศูนย์แสดงสินค้าเอ๊กโป ที่รัฐกัวดาวาฮาร่า ซึ่งมีผู้เข้าชมงานแสดงฯ จำนวน 19,500 คน สำนักงานฯ ได้ไปจัดคูหาเพื่อเผยแพร่ข้อมูลด้านการค้าและอุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูปและผ้าผืนของไทย เน้นรูปแบบการตกแต่งคูหาเพื่อเผยแพร่งานแสดงสินค้า BIFF & BIL 2009 โดยมีการเผยแพร่ข้อมูลแก่นักธุรกิจที่สนใจตลอดจนผู้สื่อข่าวท้องถิ่น เผยแพร่ข้อมูลการค้าและงานแสดงสินค้าที่สนใจอื่นๆ และจัดฉาย CD เกี่ยวกับงานแสดงสินค้า BIFF & BIL 2009
คูหา Information Stand ของไทยในงานแสดงสินค้า Intermoda 2009 นับว่า ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานพอสมควร ทั้งนี้ มีผู้ที่แสดงความสนใจสอบถามข้อมูลจากคูหาไทยรวม 127 ราย แยกเป็นผู้นำเข้า 37 ราย ภาคอุตสาหกรรมผู้ผลิต 43 ราย ผู้จัดจำหน่าย ตัวแทนกระจายสินค้า และผู้ค้าปลีกจำนวน 47 ราย แยกตามประเภทสินค้าที่ผู้สอบถามแสดงความสนใจได้ ดังนี้ สนใจสินค้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปสำหรับสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีจำนวน 54 รายสินค้าผ้าผืน 27 ราย สินค้าเสื้อผ้าเด็ก 12 ราย สินค้าเสื้อผ้าระดับ High Fashion 5 ราย และสินค้าอื่นๆ หรือกิจกรรมอื่นๆ อีก 29 ราย
รายชื่อผู้ค้าปลีกเสื้อผ้าสำเร็จรูปในเม็กซิโก
1. Walmart de Mexico http://www.walmartmexico.com.mx/
2. Sam’s Club http://www.sams.com.mx/
3. Suburbia http://www.suburbia.com.mx/
4. Bodega Aurrera http://www.walmartmexico.com.mx/
5. Organizacion Soriana http://www.soriana.com.mx/
6. Grupo Marti http://www.marti.com.mx/
7. Comerical Mexicana http://www.comerci.com.mx/
8. Bodega C.M. http://www.comerci.com.mx/
9. Superama http://www.superama.com.mx/
10. Costco Mexico http://www.costco.com.mx/
11. Grupo Coppel http://www.coppel.com/
12. Sears http://www.sears.com.mx/
13. Palacio de Hierro http://www.elpalaciodehierro.com.mx/
14. Puerto de Liverpool http://www.liverpool.com.mx/
15. Inditex Mexico http://www.inditex.com/
สมาคมที่เกี่ยวข้อง:
Camara Nacional de la Industria Textil (CANAINTEX) http://www.canaintex.org.mx/
Asociacion Nacional de Tiendas de Autoservicio y Departamentales http://www.antad.net/
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
http://www2.ops3.moc.go.th/
http://www.trendexmexico.com/index.html
http://www.just-style.com/management-briefing/mexico-clothing-and-textile-sector-rides-boom-and-bust_id108052.aspx?d=1