Google Website Translator

Monday, August 16, 2010

Deep Sea Oil in Gulf of Mexico

แหล่งน้ำมันน้ำลึกในอ่าวเม็กซิโก

ภูมิหลังเกี่ยวกับการขุดเจาะน้ำมันในน้ำลึก

ในภาวะที่โอกาสการขุดค้นหาแหล่งน้ำมันใหม่เริ่มลดน้อยลง (peak oil) และราคาน้ำมันแพงขึ้นตั้งแต่ปี 2550-2551 เป็นต้นมา บริษัทสำรวจหาน้ำมันต่าง ๆ ทั่วโลกมีแรงจูงใจในการสำรวจขุดเจาะหาน้ำมันในทะเลน้ำลึกมากขึ้น ในปี 2552 ปริมาณน้ำมันสำรองของโลกเท่ากับ 1.342 พันพันล้านเบเรล โดยร้อยละ 10 ของปริมาณดังกล่าว หรือประมาณ 100 พันล้านเบเรลมาจากน้ำมุนที่ขุดได้จากแหล่งน้ำมันน้ำลึก

พื้นที่ ๆ มีศักยภาพสำหรับการขุดเจาะน้ำมันน้ำลึกอยู่ระหว่างพื้นที่อ่าวเม็กซิโก พื้นที่ทะเลแอ็ตแลนติกตามชายฝั่งทะเลของประเทศบราซิล และพื้นที่ทะเลฝั่งตะวันตกของทวีปแอฟริกาตามชายฝั่งของประเทศไนจีเรีย แองโกลา ไอวารีโคสต์และมอริตาเนีย โดยพื้นที่อ่าวเม็กซิโกมีการพัฒนาสำรวจขุดเจาะมากที่สุด วารสาร Petroleum Economist ได้รายงานว่า เมื่อปี 2550 มีบ่อน้ำมันและแก๊ซที่ให้ผลผลิตในอ่าวเม็กซิโก 112 แห่ง ในฝั่งทะเลของบราซิล 18 แห่ง และในตามฝั่งทะเลของแอฟริกาอีก 18 แห่ง

มีการคาดคะเนว่าปริมาณน้ำมันสำรองที่อาจจะมีอยู่ในแหล่งน้ำมันน้ำลึกในอ่าวเม็กซิโกมีปริมาณประมาณ 30-40 พันล้านบาเรล ส่วนปริมาณน้ำมันสำรองในแถบทะเลฝั่งบราซิลคาดว่าได้เพิ่มจาก 15 พันล้านเบเรล เป็น 30 พันล้านเบเรล และปริมาณแหล่งน้ำมันน้ำลึกในชายฝั่งแอฟริกาคาดว่ามีประมาณ 30 พันล้านเบเรล

สถบันเกี่ยวการบริหารแหล่งพลังงานในทะเลของสหรัฐฯ (BOEMRE) ได้รายงานว่า มีการเปิดบ่อขุดน้ำมันน้ำลึกใหม่ทั้งหมด 18 แห่งในปี 2551 โดย 5 แห่งเป็นการขุดเจาะในพื้นที่ ๆ ลึกกว่า 5,000 ฟุต

สภาพธรณีวิทยาเกี่ยวกับแหล่งน้ำมันน้ำลึกในอ่าวเม็กซิโก

นักธรณีวิทยาต่างๆ เล็งเห็นว่าอ่าวเม็กซิโกมีลักษณะภูมิศาสตร์ที่มีคุณสมบัติพิเศษสำหรับการสะสมของซากสารอินทรีย์ต่าง ๆ อันมีผลให้เกิดแหล่งน้ำมันในทะเลน้ำลึกที่อุดมสมบูรณ์ เนื่องจากกระบวนการทางธรรมชาติในอ่าวเม็กซิโกที่รับการถ่ายเทของสารอินทรีย์จากแม่น้ำ Mississippi ที่ใช้เวลามาเป็น 40 ล้านปี นอกจากนี้แล้วยังมีลักษณะของโครงสร้างของเนินหิน (anticlines) และแผ่นเกลือที่คลุมปิด (salt sheets dome caps) ที่ช่วยการกักขังน้ำมันในพื้นที่ดังกล่าว

แหล่งน้ำมันในทะเลน้ำลึกพื้นที่อื่น ๆ เช่นที่บราซิลและทะเลฝั่งตะวันตกของแอฟริกา มีลักษณะเป็นทะเลเปิดที่มีการถ่ายเทของกระแสน้ำในพื้นที่ทะเลน้ำลึก จึงไม่มีการสะสมของสารอินทรีย์โบราณในลักษณะที่เกิดขึ้นในอ่าวเม็กซิโก นอกจากนี้แล้ว แม่น้ำ Mississippi เป็นระบบน้ำที่ทอดต่อลงต่อมาจากเทือกเขาร็อกกี้ และเทือกเขา Appalachians และมีการเชื่อมต่อมาจากแม่น้ำ Red River และพื้นที่ของแผ่นน้ำลึกในอ่าวเม็กซิโกมีเขตปิดกั้นการไหลเวียนของน้ำลึกจากหมาสมุทรแอทแลนติกโดยเกาะคูบา คาบสมุทรฟลอริด้าและยูคาตัน ที่ทำให้มีปริมาณออกซิเจนในน้ำลึกน้อย ซากสารจุลินทรีย์ที่ไหลลงมาทับถมจึงมีการสลายตัวช้ามาก และเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดน้ำมันได้ดี น้ำมันและแก๊ซคือซากสารอินทรีย์ที่ตายแล้วแต่ไม่ได้สลายตัว (undecayed dead organism) ซึ่งเมื่อถูกทับถมลึกลงไปในพื้นที่ใต้น้ำทะเล ยิ่งลึกยิ่งสะสมความร้อนมากขึ้นจนสุกเป็นน้ำมัน แหล่งทะเลน้ำลึกที่อาจจะมีความอุดมสมบูรณ์ของการสะสมซากสารอินทรีย์โบราณที่มีศักยภาพสำหรับน้ำมันอีกแห่งหนึ่งอาจจะเป็นลุ่มแม่น้ำ Niger อีกแห่งเดียวเท่านั้น

ลักษณะธรณีวิทยาอีกอีกประเด็นหนึ่งของอ่าวเม็กซิโกที่มีผลต่อการสำรวจขุดเจาะน้ำมัน คือการทับถมของดินโคลนในสภาพที่มีออกซิเจนน้อย เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดแก๊ซ ซึ่งมักจะเพิ่มโอกาสการเกิดระเปิดได้มากขึ้น

เหตุการณ์บ่อน้ำมัน Deepwater Horizon ระเบิดและผลกระทบของการรั่วไหลของน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก

บ่อน้ำมันน้ำลึก Deepwater Horizon ที่บริษัทสำรวจน้ำมัน British Petroleum ได้ทำการขุดเจาะในอ่าวเม็กซิโกและเกิดการระเบิดและรั่วไหลน้ำมันในทะเลตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมานั้น เป็นบ่อที่ขุดเจาะน้ำมันทะเลน้ำลึกที่ลึกที่สุดในประวัติการณ์ อยู่ในระดับ 13,016 ฟุตลึกลงไปจากพื้นทะเลซึ่งอยู่ในระดับความลึก 5,000 ฟุตใต้ผิวน้ำ

การรั่วไหลของน้ำมันจากบ่อ Deepwater Horizon ได้มีอัตราการรั่วไหลเฉลี่ยประมาณ 35,000 ถึง 60,000 เบเรลต่อวัน ครอบคลุมพื้นที่ 6,500 ตารางกิโลเมตร นับเป็นการรั่วไหลน้ำมันที่สร้างมลภาวะในทะเลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติการณ์ และเป็นเหตุให้สหรัฐฯ ต้องพิจารณาทบทวนนโยบายเกี่ยวกับการส่งเสริมการสำรวจหาแหล่งน้ำมันในน้ำลึก ในขั้นแรกได้มีการระงบการขุดเจาะใหม่เป็นระยะเวลา 6 เดือน และได้มีการตรวจสอบสภาพความปลอดภัยของบ่อขุดที่กำลังดำเนินการอยู่ทั้งหมด โดยที่หลายบ่อต้องปิดระงับการทำงานไปเนื่องจากพบว่ามีความปกพร่องด้านความปลอดภัย บริษัท BP ได้คาดการณ์ว่าค่าเสียหายที่สืบเนื่องมาจากการรั่วไหลของน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกทั้งหมดจะมีมูลค่ารวมประมาณ 3.12 พันลานเหรียญสหรัฐฯ

สำหรับประเทศเม็กซิโกซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างการสำรวจขุดเจาะน้ำมัน เพื่อหาแหล่งน้ำมันเพิ่มเติมโดยเฉพาะจากทะเลน้ำลึก ก็ต้องพิจารณาทบทวนนโยบาบดังกล่างทั้งหมดใหม่ โดยในระยะสั้นได้มีการถอนบ่อขุดที่ตั้งใจะเปิดดำเนินการในพื้นน้ำสหรัฐ ต้องถูกระงับไปและได้ลากกลับมาใช้ในชายฝั่งเวราครูซแทน

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม:
http://www.washingtonpost.com/wp-dyn/content/article/2010/07/12/AR2010071204239.html
http://www.washingtonpost.com/wp-dyn/content/article/2010/05/08/AR2010050803429_2.html?nav=emailpage&sid=ST2010050800010
http://en.wikipedia.org/wiki/Deepwater_Horizon_oil_spill
http://www.wikinvest.com/concept/Deepwater_Oil_Exploration
http://www.gomr.mms.gov/homepg/offshore/deepwtr.html Deepwater information BOEMR
http://www.wired.com/cars/energy/magazine/15-09/mf_jackrig?currentPage=all

No comments: