Google Website Translator

Wednesday, May 13, 2009

The Pork Industry of North America (Part 2-Mexico)

ภาวะการผลิต การส่งออก และการนำเข้าเนื้อหมูและหมูเป็น ประเทศเม็กซิโก

การเลี้ยงหมู และการผลิตเนื้อหมูและผลิตภัฑ์จากเนื้อหมูในประเทศเม็กซิโก ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา เนื่องจากได้เริ่มมีการนำความรู้ด้านเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนากิจกรรมในภาคการเลี้ยงหมูและการผลิตเนื้อหมู ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาพุนธ์หมู การปรับปรุงวิธีการออกแบบคอกหมูในลักษณะโรงงาน การขนส่ง การแช่แข็ง และการเชือดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผนวกกับการสนับสนุนที่ได้รับจากรัฐบาล เข่น การอุดหนุนราคาข้าวฟ่างช่วยลดต้นทุนราคาอาหารหมู และการบังคับใช้มาตรฐานโรงเชือด TIF (Tipo Inspection Federal) สำหรับเนื้อหมูเพื่อการส่งออก

ความตกลงเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ได้มีผลส่งเสริมให้มีการเชื่อมโยงทางการตลาดในอุตสาหกรรมหมูมากขึ้น โดยทั้งสามประเทศคู่ค้าได้มีทั้งการส่งออกและนำเข้าระหว่างกันและกัน ทั้งนี้ สหรัฐฯ เป็นผู้ผลิตเนื้อหมูรายใหญ่ที่สุด แต่มีความจำเป็นต้องนำเข้าหมูเป็นจากแคนาดา และมีการนำเข้าเนื้อหมูจากเม็กซิโกเนื่องจากได้มีบริษัทผู้เลี้ยงและผลิตเนื้อหมูไปร่วมลงทุนกับเม็กซิโกเพื่อการส่งออก ส่วนประเทศเม็กซิโกมีความสามารถผลิตเนื้อหมูได้ประมาณ 1 ล้านเมตริกตันต่อปี ในขณะที่ปริมาณการการบริโภคมีประมาณ 1.5 ล้านเมตริกตันต่อปี ผนวกกับการผลิตส่วนหนึ่งเป็นการผลิตเพื่อการส่งออก เป็นเหตุให้เม็กซิโกต้องนำเข้าเนื้อหมูสำหรับส่วนที่ไม่เพียงพอสำหรับการบริโภคภายในประเทศ

จากปี 1990 เป็นต้นมา ได้มีการเปิดตลาดให้มีการนำเข้าได้ทั้งหมูเป็น ผลิตภัณต์เนื้อหมู และผลิตภัณฑ์ไก่ซึ่งเข้ามาแข็งขันกับการผลิตเนื้อสัตว์ภายในประเทศ โดยมีการนำเข้าส่วนใหญ่จากสหรัฐฯ ในปริมาณที่ทำให้ เม็กซิโกเป็นตลาดสำคัญสำหรับการส่งออกผลิตกภัณฑ์เนื้อสัตว์สำหรับสหรัฐฯ

การเลี้ยงหมูเป็นและการผลิตผลิตภัณฑ์เนื้อหมูมีทำเลการผลิตกระจายไปทั่วประเทศเม็กซิโก แต่เขตพื้นที่ที่มีการเลี้ยงหมูจำนวนมากในประเทศเม็กซิโก ได้แก่ รัฐ Jalisco, Sonora, Chiapas, Veracruz, และ Yucatan ในระยะหลังนี้ ได้เริ่มมีการขยายการผลิตไปในพื้นที่อื่น ๆ เนื่องจากแผนการรณรงค์เขตปลอดโรคของรัฐบาล ได้ช่วยส่งเสริมให้มีการเลี้ยงหมูกระจายไปตามเขตปลอดโรคไข้หมูที่รัฐ ได้ประเทศใหม่ 11 รัฐ

ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อแหล่งที่ตั้งโรงเลี้ยงหมู ได้แก่ความใกล้ชิดกับเขตชุมชนขนาดใหญ่ และตลาดที่ใหญ่ที่สุดได้แก่ กรุงเม็กซิโกซิตี้ การกำหนดมาตรฐานการเชือดหมูแบบ TIF (Tipo Inspection Federal) เป็นเหตุให้ผู้เลี้ยงหมูทำการขนส่งหมูเป็นข้ามรัฐ เพื่อส่งไปเชือดในโรงเชื่อดหมูในเขตเมือง รัฐที่ใกล้ชิดกับกรุงเม็กซิโกซิตี้ เช่น Jalisco, Sonora, Guanajuato, Puebla, Yucatan และ Michoacan จึงมีความได้เปรียบ และมีส่วนแบ่งการครองตลาดสูงถึงร้อยละ 75 ของการผลิตเนื้อหมูทั้งประเทศ

ในปี 1997 โรงเชือดหมูระบบ TIF มีจำนวน 33 โรงงาน ความสามารถการเชือดได้ 3.7 ล้านหัว หรือประมาณหนึ่งส่วนสามของการเชือดหมูทั่วประเทศ โรงเชือดหมูในระบบ TIF จะกำหนดมาตรฐานน้ำหนักและสุขภาพหมูที่สูงกว่าโรงเชือดที่ไม่ได้อยู่ในระบบดังกล่าว ผู้เลี้ยงหมูกิจการใหญ่ ซึ่งเลี้ยงหมูได้ระหว่าง 300-1,000 ตัว ใช้การคัดแม่พันธุ์ที่ดี การออกแบบโรงเลี้ยงที่มีประสิทธิภาพ มีต้นทุนค่ายารักษาสุขภาพหมูสูง แต่มีต้นทุนค่าอาหารต่ำกว่าผู้เลี้ยงขนาดกลางและเล็ก และเป็นกลุ่มที่สามารถส่งหมูไปเชือดในโรงเชือดมาตรฐาน TIF ได้เท่านั้น กิจการขนาดใหญ่เหล่านี้จะเป็นผู้ส่งออก หรือจัดส่งขายไปยังซูเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านขายหมูเฉพาะในเมืองใหญ่ ๆ

ผู้เลี้ยงหมูขนาดกลางซึ่งเลี้ยงหมูได้ระหว่าง 150-500 ตัว และผู้เลี้ยงหมูขนาดย่อยหรือตามบ้านเรือน ซึ่งมีหมูเลี้ยงประมาณ 10-50 ตัว จะส่งหมูไปเชือดในโรงเชือดระดับเทศบาลที่มีมาตรฐานเรื่องน้ำหนักและสุขภาพต่ำกว่า ซึ่งโรงเชือดระดับเทศบาลมีความสามารถเชือดได้ประมาณ 4 ล้านหัว และให้ผลผลิตเนื้อหมูได้ประมาณหนึ่งในสามของผลผลิตทั้งประเทศ ผู้เลี้ยงหมูตามบ้านเรือนอาจทำการเชือดเองภายในบ้านเรือนเอง ทั้งผู้เลี้ยงหมูขนาดกลางและย่อยจะส่งเนื้อหมูไปขายตามตลาดสด หรือตลาดชาวบ้านตามพื้นที่ต่าง ๆ ที่ไม่ใช่เมืองใหญ่

ระหว่างปี 1990-1994 กว่าร้อยละ 90 ของการเลี้ยงหมูทั้งหมด เป็นการเลี้ยงในฟาร์มที่เลี้ยงได้ไม่เกิน 20 ตัวต่อฟาร์ม และมีจำนวนฟาร์มเลี้ยงหมูอยู่ประมาณ 1.9 ล้านแห่ง ในขณะที่การเลี้ยงหมูเป็นโรงเลี้ยงขนาดใหญ่เทียบเป็นเพียงแค่ร้อยละ 1 ของจำนวนฟาร์ม แต่โรงเลี้ยงขนาดใหญ่นี้ เลี้ยงหมูเป็นครึ่งหนึ่งของจำนวนหมูเป็นที่มีการเลี้ยงทั่วประเทศ

ความได้เปรียบด้านต้นทุนและขนาดดังกล่าวซึ่งให้ผลกำไรแก่ผู้เลี้ยงหมูในลักษณะกิจการใหญ่ต้นทุนสูงมากกว่า กิจการเลี้ยงหมูขนาดกล่างและย่อยซึ่งมีต้นทุนค่าอาหารสูง และมักมีปัญหาการจัดหาเงินทุน ทำให้มีแนวโน้มว่าผู้ผลิตรายย่อยจะค่อย ๆ หายไป รัฐบาลเม็กซิกันจึงกำลังสนับสนุนให้ผู้ผลิตรายย่อย มีการเชื่อมโยงกับผู้ผลิตรายใหญ่ให้มีความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อการพัฒนาคุณภาพ หรือให้มีการรวมตัวเป็นกลุ่มสหกรณ์ให้มีกำลังเงินเงินรวมกันมากขึ้น

การบริโภคเนื้อหมูมีความอ่อนไหวต่อระดับรายได้ของประชากร โดยในอดีตเมื่อภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ปริมาณการบริโภคเนื้อหมูจะลดลง ทั้งนี้ เนื้อหมูสดแพงมีราคาแพงกว่าเนื้อไก่

แหล่งข้อมูล:http://www.ers.usda.gov/publications/agoutlook/sep1999/ao264i.pdf
http://www.comecarne.org/

No comments: