Google Website Translator

Friday, March 11, 2011

Tourism in Mexico

การท่องเที่ยวในประเทศเม็กซิโก
ความสำคัญทางเศรษฐกิจของการท่องเที่ยวในเม็กซิโก

ประเทศเม็กซิโกเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับหนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวในกลุ่มละตินอเมริกา อันดับสองสำหรับนักท่องเที่ยวในภูมิภาคอเมริกา และอันดับสิบสำหรับการท่องเที่ยวโลก เมื่อปี คศ. 2009 ประเทศเม็กซิโกได้รับนักท่องเที่ยวรวมประมาณ 22 ล้านคน และมีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 1.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ภาคการท่องเที่ยวมีความสำคัญทางเศรษฐกิจเป็นอันดับสามรองจาก การส่งเงินกลับจากต่างประเทศ และรายได้จากการขายน้ำมัน

ในปีที่ผ่านมา (คศ. 2010) ภาคการท่องเที่ยวของเม็กซิโกมีสัดส่วนของผลผลิตแห่งชาติในอัตราร้อยละ 13.2 ซึ่งได้เพิ่มจากร้อยละ 8.9 ในระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่ปี คศ. 2000 การขยายตัวของภาคการท่องที่ยวในเม็กซิโกมีอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 3.8

ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในเม็กซิโกประกอบด้วย บริการการขนส่งที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว (ประมาณร้อยละ 28.6 ของการขนส่งทั้งหมด) ซึ่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 29.2 บริการร้านอาหารและบาร์ สัดส่วนร้อยละ 24.8 บริการโรงแรมและห้องพัก สัดส่วนร้อยละ 12.7 การค้า สัดส่วนร้อยละ 12.3 และการขายสินค้าหัตกรรมและอื่น ๆ สัดส่วนร้อยละ 11.4

การท่องเที่ยวในเม็กซิโกได้มีการพัฒนามาเป็นเวลานาน ตั้งแต่ยุคการปกครองของสเปนจนถึงช่วงการรับเอกราชอันเป็นผลให้มีปรับเปลี่ยนแปลงรูปแบบการถือครองของธุรกิจและที่ดินที่เคยเป็นของชาวสเปนมาเป็นของธุรกิจท้องถิ่นชาวเม็กซิกัน ต่อมาในยุคหลังสงครามโลก การท่องเที่ยวในเม็กซิโกได้รับการกระตุ้นจากผู้ที่เดินทางหลบหนีสงครามมาอยู่ที่เม็กซิโก รวมทั้งได้รับการลงทุนจากต่างชาติในระบบการขนส่งด้านการบิน รถไฟ และถนนทางหลวงระหว่างรัฐ การวางแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวในระดับชาติได้เริ่มต้นอย่างเป็นระบบในปี คศ. 1998 โดยการรวมหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทั้งภาคเอกชนและภาครัฐบาลที่มีอยู่อย่างกระจัดกระจาย เป็นสภาการท่องเที่ยวแห่งเม็กซิโก (Consejo de Promoción Turística de México-CPTM) และต่อมาได้มีการกำหนดแผนงานการท่องเที่ยวแห่งชาติฉบับแรกสำหรับช่วงปี คศ. 2001-2005 หลังจากที่ได้มีการเปลี่ยนอำนาจการปกครองเสียงในสภาจากพรรค PRI มายังพรรค PAN ซึ่งได้ครองเสียงในสภาติดต่อกันมาเป็นสองสมัยแล้วในปัจจุบัน

หน่วยงานที่สนับสนุนภาคการท่องเที่ยวของรัฐในเม็กซิโกมี 3 หน่วยงานหลัก อันได้แก่ กระทรวงการท่องเที่ยว (SECTUR), สภาการท่องเที่ยวที่พัฒนามาจาก CPTM (PROMOTUR) และกองทุนเพื่อการส่งเสริมการลงทุนในภาคการท่องเที่ยว (FONATUR) นอกจากนี้แล้ว ภาคเอกชนยังได้มีการรวมตัวกันเป็นสมาคมต่าง ๆ เช่น สมาคมร้านอาหาร สมาคมโรงแรม สมาคมสปา สมาคมการท่องเที่ยวเพื่อการรักษาอนุรักษณ์ธรรมชาติ (ecotourism) เป็นต้น

ลักษณะของการท่องเที่ยวในเม็กซิโก

งแม้ว่าประเทศเม็กซิโกจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญเป็นอันดับสิบของโลก การท่องเที่ยวภายในประเทศของชาวเม็กซิกันเป็นปัจจัยที่สำคัญที่อุดหนุนภาคการท่องเที่ยวของเม็กซิโก ร้อยละ 80 ของค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวมาจากการเดินทางของผู้ที่มีถิ่นที่อยู่อาศัยภายในประเทศ ซึ่งนิยมการเดินทางไปทั่วทุกภาคของประเทศ

การบริการสำหรับนักท่องเที่ยวภายในประเทศของเม็กซิโก มีรูปแบบที่มีความหลากหลาย ทั้งสำหรับแห่ล่งท่องเที่ยวที่ ๆ ที่จะไป ซึ่งกระจายไปตามรัฐทั้ง 31 รัฐของเม็กซิโก (multidestination) และความหลากหลายในลักษณะรูปแบบของการท่องเที่ยว ซึ่งมีทั้งการท่องเที่ยวในเมือง การท่องเที่ยวแหล่งอารยธรรมโบราณ การท่องเที่ยวตามชายหาดและเกาะ การขึ้นเรือสำราญ การท่องเที่ยวเพื่อบำบัดร่างกาย (spa tourism) การท่องเที่ยวเพื่อการชิมอาหาร (gastro-tourism) และการท่องเที่ยวเพื่อการอนุรักษณ์ธรรมชาติ (eco-tourism) เป็นต้น

สถิติของจุดหมายปลายทางของการเดินทางบ่งชี้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญในเม็กซิโกสำคัญ 6 แห่ง ที่มีผู้เดินทางไปยังแหล่งเหล่านี้เกินกว่าครึ่งหนึ่งของจุดหมายปลายทางรวม ได้แก่ เมือง Mexico City, Guadalajara และ Monterrey และแหล่งท่องเที่ยวชายทะเล Acapulco, Veracruz และ Cancun แต่หากพิจารณาเพียวการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ จะพบว่า Cancun จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุด รองลงมาได้แก่ กรุงเม็กซิโก แหล่งท่องเที่ยวสำคัญรองลงมา ได้แก่ Puerto Vallarta, Acapulco, Los Cabos และ Cozumel

ในปี คศ. 1997 การบริการโรงแรมมีสัดส่วนในผลผลิตของของภาคการท่องเที่ยวระหว่างร้อยละ 12-17 รองจากร้านอาหารและการขนส่ง มีโรงแรมทั้งหมด 14,963 แห่ง และห้องพักรวม 583,731 ห้อง โดยส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรมขนาดกลางและย่อม รัฐที่มีโรงแรมมากที่สุดได้แก่ รัฐ Jalisco (จำนวน 1,346 โรงแรม) รองลงมาได้แก่ รัฐ Veracruz (1,197) Oaxaca (1,033) Quintana Roo (763) เขตนครหลวง Federal District (656) และ Chiapas (648)

การท่องเที่ยวจากต่างประเทศ (Inbound tourism)

ในช่วงระหว่าง คศ. 1990-2000 จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าออกเม็กซิโกได้ขยายตัวในอัตราเฉลี่ยปีละ 1.9 เปอร์เซ็นต์ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศได้เพิ่มขึ้นเป็น 20.6 ล้านคนในปี คศ. 2000 การเดินทางข้ามชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกได้ขยายตัวอย่างฉับพลันสืบเนื่องมาจากข้อตกลงการค้าเสรีนาฟต้า ในปี คศ. 2000 การเดินทางท่องเที่ยวข้ามชายแดนจากสหรัฐฯ เพื่อมาเที่ยวในเม็กซิโกแบบไปกลับภายในวันเดียวได้มียอดเกิน 80 ล้านเที่ยวในปีนั้น

นอกจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึน ข้อมูลสถิติยังบ่งชี้ว่า นักท่องเที่ยวได้เพิ่มการใช้จ่ายในการเดินทาง โดยค่าใช้จ่ายรวมที่นักท่องเที่ยวใช้จ่ายระหว่างปี คศ. 1989-2000 ได้เพิ่มจาก 5.5 พันล้านเหรียญ เป็น 8.3 พันล้านเหรียญ หรือขยายตัวในอัตราร้อลละ 4.1

การเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศอื่น (Outbound tourism)

การเดินทางในท่องเที่ยวในต่างประเทศ มีการเพิ่มขึ้นหรือลดลงไปตามสภาพวัฏจักรของธุรกิจ และความผันผวนของ โดยสามารถสังเกตเห็นว่า ในระยะวิกฤตการณ์การเงินช่วงปี คศง 1990 เมื่อผลผลิตรวมแห่งชาติได้ลดลงและค่าเงินเปโซได้อ่อนตัวมีค่าลดลงไปเกือบครึ่งหนึ่ง การท่องเที่ยวออกไปต่างประเทศได้ลดลงร้อยละ 6.2

แหล่งท่องเที่ยวในต่างประเทศที่ชาวเม็กซิกันนิยมไปที่สุดของ ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากชาวเม็กซิกันมีความสะดวกในการเดินทางไปยังสหรัฐฯ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย มีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมเพียง และมีบริการรับการท่องเที่ยวที่ดี ทั้งนี้ ชาวเม็กซิกัน นิยมการเดินทางไปซื้อสินค้าบริโภคต่าง ๆ การท่องเที่ยวแหล่งสำราญ เช่น คาซิโน สวนเด็กเล่น หรือการชมเมือง เป็นต้น นักท่องเที่ยวเม็กซิกันไม่นิยมการท่องเที่ยวตามแหล่วงธรรมชาติ ยกเว้นการสกี ซึ่งมักจะมีการเดินทางไปสกีในรัฐ Colorado และ New Mexico ในช่วงฤดูหนาย

ในปี คศ. 1999 ได้มีชาวเม็กซิกันเดินทางออกนอกประเทศจำนวน 7.4 ล้านคน และได้เพิ่มเป็น 12 ล้านคนในปี 2535 ก่อนการเกิดวิกฤตการณ์การเงินในประเทศเม็กซิโก อันเป็นให้มีการลดค่าเงินเปโซในขั้นแรกถึงร้อยละ 30 การเดินทางไปต่างประเทศได้ลดลงไปหนึ่งในสามในปี คศ. 1993 และเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น การเดินทางออกไปท่องเที่ยวในต่างประเทศได้ค่อยเพิ่มขึ้น โดยมีการขยายตัวประมาณปีละ 5.6 เปอร์เซ้นต์ จนถึงระดับ 11 ล้านคนในปี คศ. 2000

ในปี คศ. 2007 ชาวเม็กซิกันที่เดินทางไปสหรัฐฯ ได้ใช้จ่ายรวม 9.5 พันล้านเหรียญฯ ประมาณร้อยละ 75 เป็นผู้ที่เดินทางไปทางอากาศ

ภาวะวิกฤตการณ์การเงินของสหรัฐฯ ในปัจจุบันได้ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโดยทั่วไปของเม็กซิโก และภาวะค่าเงินเปโซที่อ่อนตัว ทำให้การท่องเที่ยวในสหรัฐฯ แพงขึ้นสำหรับชาวเม็กซิกัน และเป็นผลให้มีการเดินทางไปสหรัฐฯ ลดลงไปประมาณร้อยละ 6

การส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในภาคการท่องเที่ยว

หน่วยงาน FONATUR เป็นหน่วยงานที่เอื้ออำนวยการลงทุนจากต่างประเทศสำหรับภาคการท่องเที่ยวในเม็กซิโก โดยเป็นผู้พัฒนาโครงการก่อสร้างและการขายที่ดินในพื้นที่ ๆ ได้รับการส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ FONATUR เป็นหน่วยงานที่ทำการส่งเสริมการขายที่ดิน รวมทั้งเป็นองค์กรที่เป็นผู้ร่วมทุนกับนักลงทุนจากต่างประเทศ โดยการถือหุ้นส่วนในโครงการลงทุนต่างๆ นอกจากนี้แล้ว ยังให้ความร่วมมือหรือความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคแก่หน่วยงานบรหารในระดับท้องถิ่น และเป็นผู้ประสานงานระหว่างผุ้ทำการพัฒนา หน่วยงานรัฐ และนักลงทุน FONATUR ได้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาพื้นที่ Cancun และ Los Cabos และกำลังเร่งการส่งเสริมสำหรับพื้นที่ในเขต Ixtapa แต่มีพื้นที่ ๆ ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ได้แก่ Huatulco และ Loreto ซึ่งจะได้รับการส่งเสริมใหม่อีกรอบต่อไป ส่วนโครงที่จะได้รับการพัฒนาเป็นพื้นที่การท่องเที่ยวใหม่มีพื้นที่ในเขค Sea of Cortes (หรืออ่าวแคลิฟอร์เนีย), the Maya Coast และ Palenque

รัฐบาลของเม็กซิโกทำการส่งเสริมและเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติในเขตพื้นที่การท่องเที่ยวต่าง ๆ ในลักษณะเปรียบได้เสมือนการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยการเอื้ออำนวยพิเศษ การให้สิทธิต่าง ๆ และการร่วมลงทุน กิจกรรมทุกประเภทที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่ไปลงทุนในเขตพื้นที่ดังกล่าวจะได้รับการส่งเสริม เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ บาร์ โรงแรม ปาร์ค มารีน่า บ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยวหรือพนักงาน มอเตอร์โฮม พื้นที่การจัดแคมพ์ ศูนย์การค้า รวมทั้งการพัฒนาพื้นที่ขนาดใหญ่ไม่เกิน 50 เอกเกอร์ ผู้ที่สนใจเสนอโครงการลงทุนสามารถยื่นเสนอขออนุมัติรับการส่งเสิรมผ่านกระทรวงการต่างประเทศเม็กซิโก

โอกาสทางการตลาดเพื่อชักจูงท่องเที่ยวจากเม็กซิโก

บริษัททัวร์ที่ต้องการส่งเสริมชักจูงนักท่องเที่ยวจากเม็กซิโกที่มีตัวแทนในสหรัฐฯ จะมีความได้เปรียบกว่าบริษัทที่ต้องกาชักจูงนักท่องเที่ยวชาวเม็กซิกันที่ไม่มีสำนักงานตัวแทนในภูมิภาค การเปิดสำนักงานตัวแทนในเม็กซิโกเป็นลู่ทางในการชักจูงที่ดีที่สุด เนื่องจากประเทศเม็กซิโกมีพื้นที่กว้างขวาง การเปิดสำนักงานตัวแทน ควรจะมีสาขาที่ครอบคลุมพื้นที่ในภาคต่าง ๆ เช่น ทีเมือง Guadalajara และ Monterrey นอกจากกรุงเม็กซิโก เป็นต้น

อีกลู่ทางหนึ่งคือการจ้างบริษัททัวร์ที่มีบริการและตัวแทนกระจายไปตามภูมิภาคต่าง ๆ นอกจากการเสนอราคาที่ดีแล้ว ยังต้องมีการบริการทันต่อเวลา และการบริการหลังการขาย นักท่องเที่ยวชาวเม็กซิกันไม่นิยมทำการซื้อผ่านอินเตอร์เน็ตและชอบใช้บริการของทัวร์เอเยนต์ การขายผ่านตัวแทนแบบ wholesale เป็นช่องทางการเข้าสู่ตลาดที่ดีที่สุด สองส่วนสามของผู้ขายทัวร์จะเสนอแพ็กเก็จแบบ incentive travel packages แก่บริษัทในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่นในภาคเภสัช ธุรกิจห้องแล็บ ธุรกิจประกัน บริษัทขายรถยนต์ บริการท่องเที่ยว บริการการเงิน หรือบริษัทที่ทำการขายตรง

บริษัททัวร์ที่ต้องการเจาะตลาดดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวเม็กซิกันควรปฏิบัติดังต่อไปนี้

1) ทำการโปรโหมดในประเทศเม็กซิโก
2) การรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และคู่ค้าฝ่ายเม็กซิกัน เช่น บริษัทที่บริการเกี่ยวกับการเดินทาง ฯลฯ
3) สร้างความเข้าใจกับความต้องการของนักท่องเที่ยวชาวเม็กซิกัน และออกแบบแผนทัวร์ตามความนิยมของลูกค้า 4) ต้องมีพนักงานที่ให้บริการเป็นภาษาสเปนนิช
5) ให้เข้าใจว่าชาวเม็กซิกันมักจะตัดสินใจเดินทางโดยทันด่วน ไม่มีการวางแผนล่วงหน้า และไม่ชอบทำการซื้อบริการผ่านอินเตอร์เน็ต
6) ให้เน้นขายความเชี่ยวชาญด้านบริการที่มีโดยเฉพาะ เช่น บริการสปา บริการท่องเที่ยงในป่า บริการท่องเที่ยวด้านอาหาร หรือบริการท่องเที่ยวด้านวัฒนธรรมหรือโบราณสถาน

แหล่งข้อมูล:

No comments: